Pasalao

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: 21.12.2012 ເປັນຈຸດຈົບຂອງໂລກແທ້ ຫລື ບໍ່?
KPS


Veteran Member

Status: Offline
Posts: 66
Date:
21.12.2012 ເປັນຈຸດຈົບຂອງໂລກແທ້ ຫລື ບໍ່?


ທ່ານຄິດວ່າ ຄໍ່າທໍານາຍດັ່ງກ່າວເປັນເລື່ອງຈີງຫລືບໍ່?



__________________


Veteran Member

Status: Offline
Posts: 46
Date:

ຄິດວ່າ ຍັງບໍ່ແມ່ນຈຸດຈົບຂອງໂລກເທືອດອກ

__________________
abc
Anonymous

Date:

ຖ້າວິທະຍາສາດບໍ່ສູງ ອາດຈະເປັນດັ່ງຄໍາທໍານາຍເພາະປີກາຍນີ້ມີລູກຫີນອຸບາດຕົກລົງມາໃສ່ໜ້າໂລກຫຼາຍ

ກ້ອນ ມີແຕ່ກ້ອນໃຫຍ່ໆ ແຕ່ລັດເຊັຽຮ່ວມມືກັບອາເມຣິກັນໃຊ້ແສງເລເຊີຍູ້ກ້ອນຫີນອຸບາດເຫຼົ່່ານັ້ນໃຫ້ໄປຕົກ

ຢູ່ບ່ອນອື່ນ.

http://www.bbc.co.uk/news/science-environment-15572634



__________________
Anonymous

Date:

KPS wrote:

ທ່ານຄິດວ່າ ຄໍ່າທໍານາຍດັ່ງກ່າວເປັນເລື່ອງຈີງຫລືບໍ່?


 ມັນບໍ່ແມ່ນຄຳທຳນາຍ ທີ່ເປັນຈິງເປັນຈັງ ແລະເປັນລາຍລັກອັກສອນໃດໆ ແຕ່ມັນແມ່ນກົນລະ ຍຸດຂອງນັກເຜີຍແຜ່ສາດສະໜາໜຶ່ງ ເພື່ອຫຼອກໃຫ້ຄົນ ໄປເຂົ້າສາດສະໜາຂອງເຂົາ ເປົ້າໝາຍແມ່ນເນັ້ນໃສ່ກຸ່ມໄວໜຸ່ມ ພວກນີ້ຈະມີຄວາມ ຕື່ນຕົວແລະເຊື່ອໄວ ແລ້ວກໍເອົາພວກນີ້ໄປອົມຮົມ ເພື່ອໃຫ້ລອດຈາກໄພພິບັດນີ້ ຂັ້ນຕອນໃນການອົບຮົມນັ້ນ ໃຜເຄີຍປະສົບພົບພໍ້ແຕ່ ເຊີນເລົ່າປະສົບການໃຫ້ໝູ່ຟັງແນ່.



__________________
Anonymous

Date:

ມັນເປັນໄປບໍ່ໄດ້ດອກທີ່ໂລກຈະແຕກໃນປີ 2012 ນັ້ນເປັນຄຳທຳນາຍ ແຕ່ໃນຄວາມເປັນຈິງແລ້ວ ມັນອາດຈະມີໄພທຳມະຊາດ ທີ່ຮ້າຍແຮງເພີ້ມຂີ້ນກວ່າເກົ່າ ຄົນໃນໂລກບາງປະເທດຈະມີຄວາມອຶດຢາກຫຼາຍກວ່າເກົ່າ ບັນຫາທາງດ້ານເສດຖະກິດ ການເມືອງ ມີຂໍ້ຄັດແຍ້ງ ເຮັດໃຫ້ຄົນທົ່ວໂລກມີບັນຫາເພີ້ມຂີ້ນ ນີ້ແຫຼະຄືໂລກແຕກຂອງແທ້



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

ມັນເປັນໄປບໍ່ໄດ້ດອກທີ່ໂລກຈະແຕກໃນປີ 2012 ນັ້ນເປັນຄຳທຳນາຍ ແຕ່ໃນຄວາມເປັນຈິງແລ້ວ ມັນອາດຈະມີໄພທຳມະຊາດ ທີ່ຮ້າຍແຮງເພີ້ມຂີ້ນກວ່າເກົ່າ ຄົນໃນໂລກບາງປະເທດຈະມີຄວາມອຶດຢາກຫຼາຍກວ່າເກົ່າ ບັນຫາທາງດ້ານເສດຖະກິດ ການເມືອງ ມີຂໍ້ຄັດແຍ້ງ ເຮັດໃຫ້ຄົນທົ່ວໂລກມີບັນຫາເພີ້ມຂີ້ນ ນີ້ແຫຼະຄືໂລກແຕກຂອງແທ້


 ມັນບໍ່ເປັນໃນປີ 2012ນີ້ດອກ ແຕ່ໃນອະນາຄົດມີຄວາມເປັນໄປໄດ້ແນ່ນອນ ໃຫ້ເຂົ້າໃຈວ່າໂລກນີ້

ມີທຸກຢ່າງທີ່ມະນຸດບໍ່ເຂົ້າໃຈແລະດື້ດ້ານທາງກົງແລະທາງອ້ອມໃນການທຳລາຍທຳມະຊາດພູຜາປ່າໄມ້

ໂດຍບໍ່ຄຳນຶງຜົນເສັຍຫາຍຈະຕາມມາ ໂດຍສະເພາະລາວ,ຂເມນແລະໄທ ຈະໄດ້ຮັບຜົນຮ້າຍກ່ອນໝູ່

     ທັງໝົດນີ້ຝາກເຖິງຄົນລາວແຕ່ເທິງຮອດລຸ່ມເປັນຂໍ້ໂຈດຈະແກ້ໄຂແນວໃດຈຶ່ງຈະລອດ



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

ມັນເປັນໄປບໍ່ໄດ້ດອກທີ່ໂລກຈະແຕກໃນປີ 2012 ນັ້ນເປັນຄຳທຳນາຍ ແຕ່ໃນຄວາມເປັນຈິງແລ້ວ ມັນອາດຈະມີໄພທຳມະຊາດ ທີ່ຮ້າຍແຮງເພີ້ມຂີ້ນກວ່າເກົ່າ ຄົນໃນໂລກບາງປະເທດຈະມີຄວາມອຶດຢາກຫຼາຍກວ່າເກົ່າ ບັນຫາທາງດ້ານເສດຖະກິດ ການເມືອງ ມີຂໍ້ຄັດແຍ້ງ ເຮັດໃຫ້ຄົນທົ່ວໂລກມີບັນຫາເພີ້ມຂີ້ນ ນີ້ແຫຼະຄືໂລກແຕກຂອງແທ້


 ມັນບໍ່ເປັນໃນປີ 2012ນີ້ດອກ ແຕ່ໃນອະນາຄົດມີຄວາມເປັນໄປໄດ້ແນ່ນອນ ໃຫ້ເຂົ້າໃຈວ່າໂລກນີ້

ມີທຸກຢ່າງທີ່ມະນຸດບໍ່ເຂົ້າໃຈແລະດື້ດ້ານທາງກົງແລະທາງອ້ອມໃນການທຳລາຍທຳມະຊາດພູຜາປ່າໄມ້

ໂດຍບໍ່ຄຳນຶງຜົນເສັຍຫາຍຈະຕາມມາ ໂດຍສະເພາະລາວ,ຂເມນແລະໄທ ຈະໄດ້ຮັບຜົນຮ້າຍກ່ອນໝູ່

     ທັງໝົດນີ້ຝາກເຖິງຄົນລາວແຕ່ເທິງຮອດລຸ່ມເປັນຂໍ້ໂຈດຈະແກ້ໄຂແນວໃດຈຶ່ງຈະລອດ


 ສະແດງວ່າບັນດາພໍ່ຄ້າໜ້າເລືອດ ສ້າງກຳທຳເຂັນໃຫ້ຄົນທັງໂລກ ທັງປະເທດແລ້ວຕິ

 ເອົາໂທດກັບລັດຖະບານທີ່ສໍ້ລາດບັງຫລວງໄດ້ແລ້ວ ປົດມັນລົງ,ໄລ່ມັນໜີ ແລ້ວເລືອກເອົາຄົນ

ລຸ້ນໃໝ່ທີ່ເປັນຄົນດີມາປົກຄອງບ້ານເມືອງ



__________________
Anonymous

Date:

ເລກ 12 ເປັນເລກງາມແລະສາມາດຫານໃຫ້ 1 ຫານໃຫ້ 2 ຫານໃຫ້ 3 ຫານໃຫ້ 4 ຫານໃຫ້ 6 ແລະຫານ

ໃຫ້ 12 ໄດ້. ຢຸ່ໃນໜ່ວຍໂມງເພິ່ນກໍ່ເຮັດຮອດແຕ່ເລກ 12 ແລະໃນປະຕິທິນປີນຶ່ງເພິ່ນກໍ່ເຮັດຮອດແຕ່ 12

ເດືືອນ. ສໍາລັບນັກພະນັນ ເລກ 12 ເປັນເລກທີ່ນໍາໂຊກ, ຖ້າຜູ່ໃດ໋ມັກຫຼິ້ນໝາກປິ່ນ Roulette ຈະສັງເກດ

ເຫັນວ່າເລກທີ່ມັກອອກເລື້ອຍຈະເປັນສ່ວນຄູນຂອງເລກ 12.

ກົດບ່ອນນີ້ຖ້າສົນໃຈຢາກຮູ້ວ່າເລກ 12 ມີສ່ວນກ່ຽວ

ຂ້ອງຫຍັງແດ່ໃນການດໍາລົງຊີວິດປະຈໍາວັນຂອງພວກເຮົາ. ສໍາລັບຂ້ອຍກັບແມ່ເດັກນ້ອຍຈະຜະລິດສະມາຊິກຄອບຕື່ມອີກຜູ່ນຶງໃນວັນທີ

12 ເດືອນ 12 ປີ 2012 ເວລາ 12 ໂມງກາງຄືນ 12 ນາທີແລະ 12 ວິນາທີ.



__________________
Anonymous

Date:

ຖ້າອິດສະລະເອັນບຸກໂຈມຕີບ່ອນສ້າງນິວເຄຍຂອງອີ່ລານແທ້ ໂລກນີ້ກໍ່ຈະຮອດຈຸດຈົບແທ້ເນີ.

__________________
Anonymous

Date:

ວັນເກີດຂ້ອຍເອງ ຄືເໝາະເຈາະ ແທ້ລະ 555555



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

ວັນເກີດຂ້ອຍເອງ ຄືເໝາະເຈາະ ແທ້ລະ 555555


ເກີດວັນນີ້ມີແວວໄດ້ເຂົ້າໄປນັ່ງຫໍຄໍາ.

__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

 

ວັນເກີດຂ້ອຍເອງ ຄືເໝາະເຈາະ ແທ້ລະ 555555


 

ເກີດວັນນີ້ມີແວວໄດ້ເຂົ້າໄປນັ່ງຫໍຄໍາ.


 ເປັນຫຍັງຄືເວົ້າຊັ້ນລະ ອາວ?



__________________
Anonymous

Date:

 

คำทำนายวันสิ้นโลก หรือวันโลกแตก ในปี ค.ศ. 2012 หรือ พ.ศ. 2555 นี้ ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ทำให้โลกต้องเผชิญกับธรรมชาติที่กลายเป็นภัยพิบัติรุนแรงและบ่อยครั้งมากขึ้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความกังวลและตื่นตระหนกว่าคำทำนายดังกล่าวอาจเป็นจริง

เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงและมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าว องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. จัดเสวนาเรื่อง “โลกาวินาศ ฟังวิทยาศาสตร์วิพากษ์พยากรณ์ 2012 ฤาโลกจะสูญสิ้น” ขึ้น

โดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการ จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บอกถึงที่มาของการวิพากษ์วิจารณ์และความวิตกกังวลเรื่องโลกแตกในปี ค.ศ. 2012 ว่า น่าจะมาจาก 5 เรื่อง หลัก ๆ เรื่องแรกก็คือ หนังสือเดอะ มายา ซึ่งเปิดประเด็นเรื่องมหาหายนะในปี ค.ศ. 2012 โดยเชื่อมโยงวันสิ้นโลกเข้ากับวันสุดท้ายในปฏิทินโบราณของชาวมายา ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม 2555 พอดี ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงความเชื่อในเรื่องตำนานการสร้างโลกของชาวมายา และการเปลี่ยนแปลงตามคำทำนายดังกล่าวก็มีทั้งด้านดีและไม่ดี เพียงแต่เรื่องร้ายมักจะกล่าวถึงกันมากกว่า

เรื่องต่อมา คือ ดาวนิบิรุ (Nibiru) จะพุ่งชนโลก หากดาวดังกล่าวมีจริง จากการวิเคราะห์วงโคจรทางฟิสิกส์ ซึ่งเป็นวงรี แล้วพบว่าแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ดาวดวงนี้จะมาชนโลก

ส่วนเรื่องที่ 3 คือการเรียงตัวกันของดาวเคราะห์ ซึ่งเรามักได้ยินข่าวอยู่เสมอ ทฤษฎีนี้ ดร.บัญชา บอกว่า มีการกล่าวอ้างกันมากว่าการเรียงตัวของดาวจะทำให้เกิดแรงดึงดูดมหาศาลทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงรวมถึงเกิดพายุสุริยะอย่างรุนแรง ซึ่งจากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงเพราะอิทธิพลของแรงดึงดูดจากดาวเคราะห์เหล่านั้นมีผลต่อโลกน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่มีต่อโลก

สำหรับเรื่องที่ 4 คือเรื่องพายุสุริยะ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่มีคาบการเกิดที่จะมีความรุนแรงเฉลี่ยประมาณ 11 ปี ซึ่งบังเอิญมาอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 2012-2013 พอดี จึงถูกโยงเข้ากับทฤษฎีโลกแตกไปด้วย แต่เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต ที่มีปัญหาบ้างก็คือดาวเทียมสื่อสารที่อาจได้รับความเสียหาย หากไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือและเรื่องสุดท้ายก็คือเรื่องการสลับขั้วของแม่เหล็กโลก ซึ่งปกติสนามแม่เหล็กโลกซึ่งเกิดจากการเลื่อนไหลของโลหะที่หลอมเหลวใต้โลก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้เชื่อทฤษฎีโลกแตกจึงกลัวกันว่าหากโลก อยู่ในช่วงที่สนามแม่เหล็กกำลังเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนขั้ว อาจได้รับผลกระทบที่รุนแรงไปด้วย

ซึ่งเรื่องนี้ ดร.บัญชา อธิบายว่า นักธรณีวิทยาได้พบหลักฐานว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการพลิกกลับขั้วอยู่เป็นระยะมาโดยตลอด ซึ่งการคงสภาพขั้วไว้ได้นั้น อาจต้องใช้เวลานาน 1 แสน ถึง 10 ล้านปี ซึ่งปัจจุบันมีการยืนยันแล้วว่าการกลับขั้วเคยเกิดขึ้นแล้ว 2 ช่วง แต่ระยะเวลาในการเปลี่ยนขั้วต้องใช้เวลานานมากตั้งแต่ 1พัน ถึง 1 หมื่นปีทีเดียว และเป็นการสลับแบบขั้วเดิมอ่อนกำลังลงขั้วใหม่ค่อย ๆ ผุดขึ้นแทนที่จนครบสมบูรณ์

ด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการ สดร. บอกว่า คำกล่าวอ้าง หรือข่าวลือต่าง ๆ มักจะพยายามหาเหตุผลที่ทำให้คนเชื่อ ซึ่งปัจจัยภายนอกโลกหรือเรื่องทางดาราศาสตร์ ที่เป็นปรากฏการณ์ขนาดใหญ่และมีอานุภาพรุนแรงพอที่จะทำลายโลกได้ ประกอบกับสามารถคำนวณการเกิดได้อย่างแม่นยำ จึงมักถูกนำมาเชื่อมโยงเสมอ

อย่างเช่นข้ออ้างเกี่ยวกับนิบิรุ ซึ่งบอกว่าเป็นดาวเคราะห์ที่ค้นพบโดยชาวสุเมเรียน เมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล วงโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 3,600 ปี และจะพุ่งชนโลกในเดือนธันวาคม 2555 มีวงโคจรเป็นวงรีมาก ซึ่งปัจจุบันหากนิบิรุมีจริง จะต้องอยู่ใกล้เคียงวงโคจรของดาวพฤหัสบดีและสว่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีการค้นพบดาวดวงนี้

ส่วนกรณีที่ดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยจะพุ่งชนโลกโดยมีการกล่าวอ้างว่าองค์การนาซาปกปิดนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันหลายโครงการทั่วโลกที่ค้นหาและติดตามวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่า 200 เมตร ที่มีวงโคจรเข้าใกล้โลกไม่เกิน 4.5 ล้านไมล์ ซึ่งมีการค้นพบวัตถุเหล่านี้แล้วมากกว่า 1,000 วัตถุทั้งนี้จากการค้นพบดาวเคราะห์น้อยที่มีโอกาสจะพุ่งเข้าชนโลกมากที่สุดคือดาวเคราะห์น้อย 1950 DA ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงวงโคจร จะพุ่งเข้าชนโลกในวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.3423 หรืออีกกว่า 800 ปีข้างหน้า และมีโอกาสชนเพียง 0.33% เท่านั้น ซึ่งด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าทำให้ยังพอมีเวลาในการเตรียมรับมือสำหรับคำกล่าวอ้างว่าโลกจะถูกหลุมดำที่ใจกลางทางช้างเผือกดูดเข้าไปในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ยืนยันว่า จากการศึกษาการโคจรของดาวฤกษ์หลายดวงรอบหลุมดำต่าง ๆ ประกอบกับแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ที่กระทำต่อโลก สูงกว่าแรงโน้มถ่วงของหลุมดำถึง 100,000 ล้านเท่า ทำให้โลกจะไม่ถูกหลุมดำนี้ดูดเข้าไปแน่นอนทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ ต่างบอกว่า ไม่เคยมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หรือการค้นพบใด ๆ ที่พอเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าโลกจะแตกในปี ค.ศ. 2012 เพราะนั่นคือความเชื่อที่สามารถหักล้างได้ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยลดความตื่นตระหนกของประชาชนได้

ฝากไว้สำหรับข่าวลือน้ำท่วมกรุงเทพฯเพราะน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ดร.พิชัย สนแจ้ง ผอ.อพวช. บอกว่า ขณะนี้ต้องคิดดูว่า น้ำท่วมกรุงเทพฯ จากน้ำแข็งขั้วโลกละลายกับน้ำท่วมกรุงเทพฯ เพราะการขุดเจาะน้ำบาดาลไปใช้เป็นจำนวนมาก จนทำให้แผ่นดินทรุด อย่างไหนใกล้ตัวและน่ากลัวกว่ากัน



__________________
Page 1 of 1  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard