ອາບັດນິດສັກຄີປາຈິດຕີ ແປວ່າຫຍັງ ເປັນອາບັດໜັກຫຼືເບົາ ໃຫ້ອ່ານຕາມລິງນີ້
- ລະວັງພວກບໍ່ດີ ກຳລັງເອົາອາບັດນິດສັກຄີປາຈິດຕີ ອັນເປັນອາບັດເບົາ(ລະຫຸກາບັດ) ມາສ້າງຄວາມເຫັນຂັດແຍ້ງກັບປະເພນີວັດທະນະທຳລາວ ອາດເປັນການທຳລາຍລະບົບຄວາມເຊື່ອອັນດີງາມຂອງຊາດໄປໄດ້.
- ຄົນພວກນີ້ ຖືວ່າເປັນຄົນຖືຄຳພີຕາຍໂຕ ທຳລາຍລະບົບຄວາມເຊື່ອຂອງບັນພະບູລຸດລາວ ແລະບັນພະບຸລຸດຂອງສາສະໜາພຸດດ້ວຍ ທີ່ສຳຄັນເຂົາທຳລາຍ ລະບົບວັດທະນະທຳ ປະເພນີຂອງຊາດໄດ້ ເພາະເຂົາເຫັນພຽງຈຸດບົກຜ່ອງເລັກໆນ້ອຍໆເທົ່ານັ້ນ ເຂົາບໍ່ເຫັນຜົນປະໂຫຍດອັນໃຫຍ່ ຫຼວງຂອງຊາດ ທີ່ບັນພະຊົນຂອງລາວສ້າງຕັ້ງມາແຕ່ສະໄໝພະເຈົ້າຟ້າງຸ່ມ ທີ່ເອົາພຣະພຸດທະສາສະໜາເປັນການສ້າງຊາດ, ພວກເຂົາເລົ່ານັ້ນ ຍົກເອົາເລື່ອງຮັບເງິນ ຫຼືການເງິນດີເຊິ່ງເງິນ ມາເປັນຕົວການທຳລາຍລະບົບ ບັນທັດຖານການສ້າງຊາດ ຂອງບັນພະບູລຸດລາວສ້າງໄວ້ ມາເປັນ ຕົວຜັນແປແນວຄິດ ການພັດທະນາຊາດ ທາງດ້ານເສດຖະກິດ ສັງຄົມ ວັດທະນະທຳ ປະເພນີ ແລະຄວາມເປັນຊາດ, ການທານ ຫຼືການຮັບເງິນ ຂອງພະສົງໃນສາສະໜາ ເປັນການສ້າງຊາດມະຫາສານ ເປັນການສ້າງລາຍຮັບ ລາຍຈ່າຍໃຫ້ສັງຄົມ ເປັນການກະຈາຍລາຍໄດ້ ຈໍລະຈອນເງິນຕາ ຄໍ້າປະກັນຄວາມໝັ້ນຄົງຂອງສັງຄົມ ແລະປະເທດຊາດ ສະນັ້ນ ການຈະເຊື່ອຫຍັງ ຄວນຈະຄຳນຶງເຖິງ ກາລາມະສູດນຳ ໂດຍເພາະເລື່ອງພະວິໄນນີ້ ເປັນຂອງລະອຽດອ່ອນ ຫາກຄົນບໍ່ເກ່ງເລື່ອງພະວິໄນ ທຽບໄດ້ຄວາມຮູ້ ລະບົບພິຈາລະນາທາງກົດໝາຍແລ້ວ ຈະພິຈາລະນາສິ່ງນັ້ນ ເປັນອັນໜັກໜາ ສາຫັດໄປ ແລ້ວຈະເຫັນຫຍັງເປັນຜິດໆໄປໝົດ, ໂດຍສະເພາະເລື່ອງອາບັດນິດສັກຄີປາຈິດຕີນີ້ ເປັນອາບັດເຊັ່ນກັນ ແຕ່ມັນບໍ່ແມ່ນອາບັດ ຄະລຸກາບັດ(ອາບັດໜັກ) ເຊິ່ງເພິກຖອນບໍ່ໄດ້ ຜິດເຂົ້າແລ້ວຕ້ອງໄດ້ບາບ ຕ້ອງຜິດຢ່າງແຮງ, ແຕ່ອາບັດນິດສັກຄີປາຈິດຕີ ເປັນລະຫຸກາບັດ(ອາບັດເບົາ) ເປັນອາບັດທີ່ເພີກຖອນໄດ້ ເສຍສະຫຼະ ຫຼືສະແດງອາບັດ ອາບັດນັ້ນກໍຕົກໄປ.
- ເພື່ອສຶກສາລະອຽດກ່ຽວກັບອາບັດນິດສັກຄີປາຈິດຕີ ວ່າຈັ່ງໃດ ມີບົດບັນຍັດຢ່າງໃດ ມີການແກ້ໄຂຢ່າງໃດ ໃນອາບັດນັ້ນ, ໃຫ້ກົດເບິ່ງໃນລິງຫົວກະທູ້ນັ້ນ ເມື່ອບໍ່ເຂົ້າໃຈຈັ່ງໃດ ອາດມີຄົນທີ່ມີຄວາມຮູ້ເຂົ້າມາອະທິບາຍເພິ່ມຕື່ມ.
ຕົວຢ່າງຂໍ້ບັນຍັດວ່າດ້ວຍ ຂໍ້ທີ່ວ່າດ້ວຍເງິນ ຄຳ
๑. เป็นนิสสัคคีย์โดยวัตถุ ทองเงิน ของเป็นกัปปิยะที่แลกเปลี่ยนด้วยรูปิยะ สันถัตที่หล่อเจือด้วยไหม สันถัตที่หล่อด้วยขนเจียมดำล้วน สันถัตที่หล่อใช้ขนเจียมดำเกินส่วน
ຂໍ້ທີ່ວ່າດ້ວຍວິທີເສຍສະຫຼະ
ນິດສັກຄີປາຈິດຕີ ເມື່ອຕ້ອງເຂົ້າແລ້ວ ແມ່ນໃຫ້ເສຍສະຫຼະທ່າມກາງສົງ ແລະກໍສັບອາບັດ (ປົງອາບັດ ອາບັດນັ້ນກໍໝົດໄປ)
วิธีเสียสละ
๑. ถ้าการต้องอาบัตินั้น เป็นเหตุอื้อฉาวกระฉ่อน เป็นที่รังเกียจของคนมาก ควรสละในสงฆ์
๒. ถ้าไม่มีใครถือเอาเป็นข้อรังเกียจใหญ่โต ควรสละแก่บุคคล
๓. ถ้าเป็นของไม่ควรบริโภค คำเสียสละไม่ควรจะว่า “สงฺฆสฺส” แก่สงฆ์ “อายสฺมโต” แก่ท่าน ควรจะว่าเพียง “อิมาหํ นิสชฺชามิ” ข้าพเจ้าสละ
ของนี้เสีย เพราะเป็นของอกัปปิยะ สงฆ์ก็ดี บุคคลก็ดี จะรับเอาไว้อย่างไร สมควรมอบให้แก่คฤหัสถ์หรือทิ้งเสีย อนุโลมตามอย่างเงินทอง
๔. ของเป็นนิสสัคคีย์ แต่สูญหายไปเสีย ไม่มีจะสละ เป็นแต่เพียงแสดงอาบัติเท่านั้น
อาบัติหมวดนี้ลงไป จัดเป็นอาบัติเบา เรียกว่า ลหุกาบัติ และ จะพ้นได้ด้วยวิธีแสดง เรียกว่า เทศนาคามินี ถุลลุจจัยก็จัดเข้าหมวดนี้เหมือนกัน
ເຫັນດີນໍາເຈົ້າຂອງກະທູ້ນີ້ ທຸກຄົນຄວນລະວັງ ຄວນມີສະຕິ ແລະ ຄວາມໜັກແໜ້ນ
ເຮັດແນວໃດຈຶ່ງຮູ້ວ່າຜູ້ໃດກ່າວຖືກ ຫຼື ກ່າວຜິດ ຂໍ້ນີ້ແມ່ນຕ້ອງຂຶ້ນກັບຄົນແຕ່ລະຄົນເອງ ຄື:
ເຮົາກໍ່ຕ້ອງເປັນຜູ້ໝັ່ນສຶກສາ ໝັ່ນອ່ານຄືກັນ ຈົນກະທັ້ງວ່າແນ່ໃຈແລ້ວ ຫຼືວ່າມັນຈິງແລ້ວ ຈຶ່ງເຊື່ອ
ຄວາມຈິງແລ້ວ ນິດສັກຄີປາຈິດຕີ ແມ່ນບໍ່ມີຈຸດອ່ອນເລີຍເດີ່ ຜູ້ທີ່ເຫັນວ່າມີຈຸດອ່ອນສະແດງວ່າຍັງຄົ້ນຄວ້າບໍ່ທັນຖີ່ຖ້ວນເທື່ອ ຫຼື
ອາດຈະສຶກສາຕາມຕໍາລາທີ່ສາວົກ ຫຼື ອາຈານອື່ນຂຽນເພີ່ມເຕີມຂຶ້ນມາ
ໂຕທີ່ຖືກຕ້ອງແມ່ນຕ້ອງສຶກສາຕາມ ພຸທທະວະຈະນະ ເຊິ່ງທັມມະໝວດນີ້ແມ່ນບໍ່ມີການເຕີມ ຫຼື ຕັດທອນຈາກຜູ້ໃດ ເປັນຄໍາສອນຂອງສັມມາສັມພຸທທະລ້ວນໆ
Anonymous wrote:
(ຂອບໃຈຜູ້ອອກຄວາມເຫັນສີຂຽວ ທີ່ເສີມ)
- ພະພຸດທະເຈົ້າ ເປັນພະບໍລົມມະສາດສະດາ ພະອົງບັນຍັດພະວິໄນ ບໍ່ໄດ້ນອກນອກເໜືອຈາກທຳມະຊາດຂອງມະນຸດ ຖືມະນຸດເປັນຫຼັກ ບົດບັນຍັດທຸກບົດ ແມ່ນອະນຸບັນຍັດ ກໍອາໄສເຫດການທີ່ເກີດຂຶ້ນແລ້ວຈາກມະນຸດ ເຫັນວ່າມີເຫດຜົນພຽງພໍ ຈຶ່ງບັນຍັດບົດບັນຍັດນັ້ນເປັນພຣະວິໄນ ໃຫ້ສັງຄົມແຫ່ງພິກຂຸ ແລະຄະລາວາດຢ້າວເຮືອນ ປະຕິບັດຕາມພາວະຕົນ ໂດຍຫຼັກມັດຊິມະປະຕິປະທາ ພິຈາລະນາວິໄນໄປຕາມຄະລຸໂທດ ລະຫຸໂທດ
- ພວກທີ່ຍົກພະວິໄນ ມາທຳລາຍຄວາມສັດທາຄົນ ເປັນການທຳລາຍສາດສະໜາມແລະທຳລາຍຊາດນັ້ນໆດ້ວຍ ເພາະເຮັດໃຫ້ຄົນ ທີ່ບໍ່ມີສັດທາເຫັນຕ່າງ ແມ່ນຈະເວົ້າຄວາມຖືກຕ້ອງ ກໍເປັນການທຳລາຍ ເພາະສິ່ງທີ່ເວົ້າ ບໍ່ແມ່ນສະຖານະ ບໍ່ແມ່ນສະຖານທີ່ ບໍ່ແມ່ນບຸກຄົນ ບໍ່ແມ່ນການເວລາ ຈັດພວກເຂົາຢູ່ໃນພວກສັງຄະເພດ ອັນເປັນອະນັນຕະນິຍະກຳແລ.
ປະຕິໂທ ເຈົ້າວ່າໂທດຂອງນິສັກຄີຍະປາຈິດຕີວ່າມັນເບົາ ເຈົ້າຮູ້ຜົນຂອງໂທດນີ້ຊັ້ນບໍ່ເຈົ້າຈຶ່ງວ່າມັນເບົາ? ອ່ານເບິ່ງດ້ານລຸ່ມເດີ:
โทษของการต้องอาบัติ
ทุกกฎ - ทุพภาษิต / 1ตัว
(โทษที่ทำไม่ดี / พูดไม่ดี)
ตกสัญชีพนรก 1 ชั่วอายุคือ 500 ปีของชั้นนี้
1วันในชั้นนี้ เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
1ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 3,285,000,000 ปีมนุษย์
500ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 1,642,500,000,000 ปีมนุษย์
ปาฏิเทสนียะ / 1ตัว
(โทษที่ต้องแจ้งผู้อื่น)
ตกกาฬสุตตนรก 1ชั่วอายุคือ 1,000 ปีของชั้นนี้
1วันในชั้นนี้ เท่ากับ 36 ล้านปีมนุษย์
1ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 13,140 ล้านปีมนุษย์
1,000ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 13,140,000ล้านปีมนุษย์
ปาจิตตีย์ / 1ตัว
(โทษที่ทำความดีให้ตกไป)
ตกสังฆาฏนรก 1ชั่วอายุ คือ 2,000 ปีของชั้นนี้
1วันในชั้นนี้ เท่ากับ 144 ล้านปีมนุษย์
1ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 52,560 ล้านปีมนุษย์
2,000ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 105,120,000 ล้านปีมนุษย์
นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ / 1ตัว
(โทษที่ทำความดีให้ตกไป จำต้องสละ)
ตกโรรุวนรก 1ชั่วอายุคือ 4,000ปีของชั้นนี้
1วันในชั้นนี้ เท่ากับ 576 ล้านปีมนุษย์
1ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 210,240 ล้านปีมนุษย์
4,000ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์
มหานิสสัคคีย์ / 1ตัว
(โทษที่ทำความดีให้ตกไป จำต้องสละที่ใหญ่)
ตกมหาโรรุวนรก 1 ชั่วอายุคือ 8,000 ปีของชั้นนี้
1วันในชั้นนี้ เท่ากับ 2,304 ล้านปีมนุษย์
1ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 840,960 ล้านปีมนุษย์
8,000ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 6,727,680,000 ล้านปีมนุษย์
ถุลลัจจัย / 1ตัว
(โทษที่ใหญ่และหยาบ)
ตกตาปนรก 1ชั่วอายุ คือ 16,000 ปีของชั้นนี้
1วันในชั้นนี้ เท่ากับ 9,216ล้านปีมนุษย์
1ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 3,363,840 ล้านปีมนุษย์
16,000ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 53,821,440,000 ล้านปีมนุษย์
สังฆาทิเสส / 1ตัว
(โทษที่หมู่ภิกษุ จำต้องลงโทษ)
ต้องตกมหาตาปนรก 1 ชั่วอายุ คือ ครึ่งกัปป์
ปาราชิก / 1ตัว
(โทษที่ทำให้ขาดจากความเป็นภิกษุ)
ต้องตกอเวจีนรก 1 ชั่วอายุ คือ หนึ่งกัปป์์
หมายเหตุ - ข้อมูลนี้มาจากพระธรรมเทศนาของสมเด็จพระวันรัต (แดง ) วัดสุทัศน์ฯ
- สมุดภาพไตรภูมิฉบับกรุงศรีอยุธยา – ฉบับกรุงธนบุรี เล่ม 1-2
ທີ່ມາ: http://www.samyaek.com/mambo/index.php?option=com_content&task=category%C2%A7ionid%3D8&id=129&Itemid=45&limit=9&limitstart=351
ເຈົ້າຮູ້ບໍ່ວ່າອັນໃດເປັນເຫດ ອັນໃດເປັນປັດໄຈໃຫ້ສາດສາໜາບໍຍືນຍົງຢູ່ນານ? ໃຫ້ເຈົ້າອ່ານດ້ານລູ່ມນີ້ ເຈົ້າຊິຮູ້ວ່າຍ້ອນຫຍັງ ຖ້າເຈົ້າບໍ່ຮູ້ ກະຊ່ອຍບໍ່ໄດ້ ເພາະແຕ່ລະຄົນມີຂີດຈຳກັດຄວາມຮູ້ທີ່ແຕກຕ່າງກັນ.
สาเหตุที่ทำให้พระศาสนาดำรงอยู่นาน/ไม่นาน (เวรัญชกัณฑ์) 01/12/09
เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน
[๗] ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรไปในที่สงัดหลีกเร้นอยู่ ได้มีความ
ปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า
ทั้งหลาย พระองค์ไหนไม่ดำรงอยู่นาน ของพระองค์ไหนดำรงอยู่นาน ดังนี้
ครั้นเวลาสายัณห์ท่านออกจากที่เร้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถวายบังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า
ข้าพระพุทธเจ้าไปในที่สงัดหลีกเร้นอยู่ ณ ตำบลนี้ ได้มีความปริวิตกแห่งจิต
เกิดขึ้นอย่างนี้ว่า พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย พระองค์
ไหน ไม่ดำรงอยู่นาน ของพระองค์ไหนดำรงอยู่นาน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนสารีบุตร พระศาสนาของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภู ไม่ดำรง
อยู่นาน ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามกกุสันธะ พระนามโกนาคมนะ และ
พระนามกัสสปะดำรงอยู่นาน.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 13
ส. อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระศาสนาของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าพระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภู ไม่ดำรงอยู่นาน
พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนสารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามวิปัสสี พระนามสิขี
และพระนามเวสสภู ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่
สาวกทั้งหลาย อนึ่ง สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งสามพระองค์นั้นมีน้อย
สิขาบทก็มิได้ทรงบัญญัติ ปาฏิโมกข์ก็มิได้ทรงแสดงแก่สาวก เพราะอันตรธาน
แห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตาม
พระพุทธเจ้าเหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน
ออกบวชจากตระกูลต่างกัน จึงยังพระศาสนานั้นให้อันตรธานโดยฉับพลัน
ดูก่อนสารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากอบไว้บนพื้นกระดาน ยังไม่ได้ร้อย
ด้วยด้าย ลมย่อมกระจาย ขจัด กำจัดซึ่งดอกไม้เหล่านั้นได้ ข้อนั้นเพราะเหตุ
อะไร เพราะเขาไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ฉันใด เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มี
พระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า
เหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจาก
ตระกูลต่างกัน จึงยังพระศาสนานั้นให้อันตรธานโดยฉับพลันฉันนั้นเหมือนกัน
เพราะพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงกำหนด
จิตของสาวกด้วยพระหฤทัย แล้วทรงสั่งสอนสาวก.
ดูก่อนสารีบุตร เรื่องเคยมีมาแล้ว พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา-
สัมพุทธเจ้าพระนามเวสสภู ทรงกำหนดจิตภิกษุสงฆ์ด้วยพระหฤทัยแล้วทรง
สั่งสอน พร่ำสอน ภิกษุสงฆ์ประมาณพันรูป ในไพรสณฑ์อันน่าพึงกลัวแห่ง
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 14
หนึ่งว่า พวกเธอจงตรึกอย่างนี้ อย่าได้ตรึกอย่างนั้น จงทำในใจอย่างนี้
อย่าได้ทำในใจอย่างนั้น จงละส่วนนี้ จงเข้าถึงส่วนนี้อยู่เถิด ดังนี้ ลำดับนั้นแล
จิตของภิกษุประมาณพันรูปนั้น อันพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนามเวสสภูทรงสั่งสอนอยู่อย่างนั้น ทรงพร่ำสอนอยู่อย่างนั้น ได้หลุดพ้น
แล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น ในเพราะความที่ไพรสณฑ์อันน่า
พึงกลัวนั้นซิ เป็นถิ่นที่น่าสยดสยองจึงมีคำนี้ว่า ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งยังไม่ปราศจาก
ราคะเข้าไปสู่ไพรสณฑ์นั้น โดยมากโลมชาติย่อมชูชัน.
ดูก่อนสารีบุตร อันนี้แลเป็นเหตุ อันนี้แลเป็นปัจจัย ให้พระศาสนา
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภูไม่ดำรง
อยู่นาน.
ภาคเจ้า พระนามกกุสันธะ พระนามโกนาคมนะ และพระนามกัสสปะ ดำรง
อยู่นาน พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนสารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามกกุสันธะ พระนาม
โกนาคมนะ และพระนามกัสสปะ มิได้ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงแสดงธรรม
โดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย อนึ่ง สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน
อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งสาม
พระองค์นั้นมีมาก สิขาบทก็ทรงบัญญัติ ปาติโมกข์ก็ทรงแสดงแก่สาวก
เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่ง
สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน
ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน จึงดำรงพระศาสนานั้นไว้ได้ตลอด
ระยะกาลยืนนาน ดูก่อนสารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บนพื้นกระดาน
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 15
ร้อยดีแล้วด้วยด้าย ลมย่อมกระจายไม่ได้ ขจัดไม่ได้ กำจัดไม่ได้ซึ่งดอกไม้
เหล่านั้นข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาร้อยดีแล้วด้วยด้าย ฉันใด เพราะ
อันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวก
ผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน
ระยะกาลยืนนาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามกกุสันธะ พระนามโกนาคมนะ และพระนาม
กัสสปะ ดำรงอยู่นาน.
ອ່ານຕື່ມອີກ
[๓๑๑] เมื่อพระตถาคต ปรินิพพาน แล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในความ ไม่ประมาท ในปฏิสันถาร เป็นเหตุให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน. (กิมมิลสูตร) 36/635/13
ว่าด้วยเหตุให้ศาสนาเสื่อมและเจริญ
[๓๑๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เวฬุวัน ใกล้พระนคร-
กิมมิลา ครั้งนั้น ท่านพระกิมมิละได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่-
พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรม
ไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนกิมมิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 636
อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม
ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในความไม่ประมาท ในปฏิสันถาร ดูก่อนกิมมิละ
นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อตถาคต
ปรินิพพานแล้ว.
กิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไร เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้
พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว.
พ. ดูก่อนกิมมิละ พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรม-
วินัยนี้ เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ใน
พระสงฆ์ ในสิกขา ในความไม่ประมาท ในการปฏิสันถาร ดูก่อนกิมมิละ
นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน ในเมื่อตถาคต
ບັດນີ້ເຈົ້າພໍເຂົ້າໃຈຢູ່ບໍ່ວ່າໃຜເປັນຄົນທຳລາຍສາດສະໜາຕົວຈິງ ກໍ່ຍ້ອນແມ່ນພວກພິຂຸທີ່ຊົ່ວ ພວກທຸສິນ ບໍ່ແມ່ນສະມານະ ບອກວ່າຕົນເອງເປັນສະມານະ ບໍ່ແມ່ນພົມມະຈາລີບອກວ່າຕົນເອງເປັນພົມມະຈາລີ ສິ່ງທີ່ພຣະສາດສະດາຫ້າມໄວ້ ເອົາໄປບອກວ່າບໍ່ເປັນຫຍັງ. ພຣະສາດສະດາສອນໃຫ້ໜີຈາກກິເລດ ຕັນຫາ ບວດ ກໍ່ເພື່ອໃຫ້ໜີຈາກກິເລດ ຕັນຫາ ອັນນີ້ ບວດມາເພື່ອຫຍຸ້ງກັບກິເລດຕັນຫາໂດຍກົງເລີຍ ຄັນບໍ່ຮູ້ ເຮົາກະໄດ້ອະທິບາຍໃຫ້ ເມື່ອຮູ້ແລ້ວ ກະໄປອ້າງວ່າ ມັນອາບັດເບົາ ມັນບໍ່ເປັນຫຍັງ ຫາແຕ່ແນວທາງຊິໜີ ຊິບໍ່ຍອມຮັບ ຫາແຕ່ແນວທີ່ເປັນການນະໂຍບາຍ ຍົກເວັ້ນ ອະນຸໂລມ ໃຫ້ເເກ່ຕົນເອງ ເພາະໄປອ້າງວ່າ ມັນອາບັດເບົາ ມັນບໍ່ເປັນຫຍັງ ເຈົ້າຮູ້ໄດ້ແນວໃດວ່າມັນເບົາ ຕົກນາລົກຫັ້ນຫວາເບົາ ເຮັດໃຫ້ສາດສະໜາບໍ່ດຳລົງຢູ່ນານນີຫວາ ເບົາ. ພຣະສາດສະດາ ກ່ອນຈະເວົ້າສິ່ງໃດອອກໄປ ໄດ້ກວດສອບເບິ່ງໝົດແລ້ວ ທັງອາດີດ ປັດຈຸຸບັນ ອານາຄົດ ເວົ້າອອກມາບໍ່ມີຜິດ ເພິ່ນຮູ້ໂທດທີ່ພິສຸຮັບເງິນ ເພິ່ນຈຶ່ງຫ້າມບໍ່ໃຫ້ຮັບ ແລະຍັງບອກອີກວ່າ ຕໍ່ໄປພາຍໜ້າຊິມີພວກພິສຸຊົ່ວ ສະແດງທຳ ແລະກັບເງິນ ມັນກະເເມ່ນອີຫຼີ ບໍ່ມີຜິດເລີຍ
ອ່ານດ້ານລຸ່ມ
พระพุทธองค์ตรัสว่า ในอนาคตกาล ภิกษุชั่วจะแสดงธรรมแลกเงิน (อ.มหาสุบินชาดก) 56/230/5
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นคนทั้งหลายเอา
แก่นจันทน์ มีราคาตั้งแสนกษาปณ์ ขายแลกกับเปรียงเน่า
นี้เป็นสุบินข้อที่ ๑๑ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้เล่า
พระเจ้าข้า ?
มหาบพิตรแม้ผลแห่งสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคต ในเมื่อ
ศาสนาของตถาคตเสื่อมโทรมนั่นแล ด้วยว่าในกาลภายหน้า พวก
ภิกษุอลัชชีเห็นแก่ปัจจัย จักมีมาก พวกเหล่านั้น จักพากันแสดง
ธรรมเทศนาที่ตถาคต กล่าวติเตียนความละโมภในปัจจัยไว้แก่
ชนเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้น จักไม่สามารถ
แสดงให้พ้นจากปัจจัยทั้งหลาย แล้วตั้งอยู่ในฝ่ายธรรมนำสัตว์
ให้พ้นจากทุกข์ มุ่งตรงสู่พระนิพพาน ชนทั้งหลายก็จะ
ฟังความสมบูรณ์แห่งบทละพยัญชนะ และสำเนียงอันไพเราะ
อย่างเดียว เท่านั้น แล้วจักถวายเอง และยังชนเหล่าอื่นให้ถวาย
ซึ่งปัจจัยทั้งหลายมีจีวรเป็นต้น อันมีค่ามาก ภิกษุทั้งหลายอีก
บางพวก จักพากันนั่งในที่ต่าง ๆ มีท้องถนน สี่แยก และประตูวัง
เป็นต้น แล้วแสดงธรรมแลกรูปิยะ มีเหรียญกษาปณ์ครึ่ง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 231
กษาปณ์ เหรียญบาท เหรียญมาสก เป็นต้น โดยประการฉะนี้
ก็เป็นเอาธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ มีมูลค่าควรแก่พระนิพพาน
ไปแสดงแลกปัจจัย ๔ และรูปิยะมีเหรียญกษาปณ์และเหรียญ
ครึ่งกษาปณ์เป็นต้น จักเป็นเหมือนฝูงคนเอาแก่นจันทน์มี
ราคาตั้งแสน ไปขายแลกเปรียงเน่าฉะนั้น ภัยแม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ
ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๒ ต่อไปเถิด
มหาบพิตร.
ພຣະພຸດທະເຈົ້າອົງທີ່ຊື່ວ່າ “ພຸດທະ ສະມານະ ໂຄດົມ” ນີ້ ບັນຍັດພຣະວິໄນໄວ້ວ່າຫ້າມ ພິສຸຮັບເງິນ...
ຜູ້ທີ່ເປັນຊາວພຸດ ຕ້ອງປະຕິບັດຕາມເທົ່ານັ້ນ ບໍ່ມີຂໍ້ໂຕ້ແຍ້ງໃດໆທັງນັ້ນ ຖ້າໃຜຢາກໂຕ້ແຍ້ງ ເພາະຄິດວ່າ ພິສຸຮັບໄດ້ ບໍ່ຜິດ ເຈົ້າກໍ່ໄປບຳເພັນໃຫ້ໄດ້ຕັດສະຮູ້ເປັນສາດສະດາເອງ ແລ້ວກໍ່ບໍ່ບັນຍັດວິໄນນີ້. ຄັນເຈົ້າຊິນັບຖືພຣະອົງນີ້ ເຈົ້າຕ້ອງບໍ່ຂັດແຍ້ງກັບພຣະອົງ ເພາະມັນແມ່ນທຳວິໄນຂອງເພິ່ນ ມັນບໍ່ແມ່ນຂອງເຈົ້າ ອັນນີ້ ເອົາທຳວິໄນໄປເຮັດເສຍຫາຍໝົດ ທຸ໋ຍ! ບັກພິສຸສົກກະປົກ ຢາກເຕະກ້ານຄໍມັນອີຫຼີ ພຣະແບບນີ້ນະ.
ພຣະພຸດທະເຈົ້າບອກວ່າ ພຣະແບບນີ້ ພິສຸທີ່ທຸສິນແບບນີ້ ຄວນກຽດ ບໍ່ໃຫ້ຄົບ ບໍ່ໃຫ້ເຂົ້າໃກ້
http://www.tripitaka91.com/91book/book34/051_100.htm#87
ໃຜຄົບຫາສະມາຄົມນຳ ມີແຕ່ປະສົບທຸກຊົວການລະນານ
ผู้คบหา ทำตาม ภิกษุทุศีล ย่อมประสบทุกข์ตลอดกาลนาน (นวสูตร) 34/489/8
http://www.tripitaka91.com/91book/book34/451_500.htm#489
ເວົ້າເຖິງເລື່ອງອາບັດ
ແມ່ນຢູ່ວ່າ ພິສຸທີ່ເປັນອາຣະຫັນແລ້ວນັ້ນ ຈະລອດ ຈະບໍ່ມີບາບຕິດຕົວ ເພາະເພິ່ນໄດ້ດັບແລ້ວ ເຮັດໃຫ້ບໍ່ມີອີກແລ້ວ ບໍ່ມີພົບຕໍ່ໄປອີກ ເພາະສະນັ້ນ ບາບຕ່າງໆຈະບໍ່ມີແກ່ອາຣະຫັນ ແຕ່່ພວກທີ່ບໍ່ແມ່ນອາຣາຫັ້ນເດຊັ້ນ ມັນບໍ່ລອດ.
ອາຣະຫັນທີ່ສຶກສາມາໜ້ອຍ ຈະເຮັດໃຫ້ຜູ້ຢູ່ອ້ອມຂ້າງບາບຫຼາຍ ພຣະສາດສະດາກ່າວ່າ ອາຣະຫັນທີ່ບົກຜ່ອງກໍ່ມີ ອາຣະຫັນທີ່ຮັບເງິນກໍ່ມີ ພາລູກສິດຫາເງິນກໍ່ມີ ຍ້ອນຫຍັງຈຶ່ງເປັນແນວນັ້ນ ກໍ່ຍ້ອນວ່າອາຣະຫັນນັ້ນສຶກສາມາໜ້ອຍ ບົກຜ່ອງ. ແມ່ນຢຸ໋ເຈົ້າລອດ ເພາະເຈົ້າເປັນອາຣະຫັນ ແຕ່ຜູ້ອື່ນມັນບໍ່ລອກຄືອາຣະຫັນ ເຮົາບໍ່ໄດ້ໄປສຳຄັນໃດ໋ວ່າ ຜູ້ນັ້ນເປັນ ອາຣະຫັນແລ້ວເຮົາຊິເຊຶ່ອໝົດ ຄັນພາລູກສິດຫາເງິນນິເຮັດບໍ່ຖືກຕາມທຳວິໄນຂອງພຣະສາດສະດາ ເຮົາກະບໍ່ເຂົ້າໃກ້ລະ ຄັນອາຣະຫັນແບບນັ້ນ.
ອາຣະຫັນເປັນຜູ້ລອດຢູ່ດ໋ອກ ກະລອດແຕ່ສ່ວນຕົວ ແຕ່ບໍ່ແມ່ນສ່ວນລວມ ໃນເມື່ອອາຣະຫັນເປັນຜູ້ລອດແລ້ວ ບໍ່ແມ່ນຊິປູກຕົ້ນໄມ້ໄວ້ທັບທາງຜູ້ທີ່ຈະໄປ ຫຼື ເອົາໜາມໄປບັງທາງໄວ້ນັ້ນໄວ້ ໃນເມື່ອພິສຸຮັບເງິນບໍ່ໄດ້ ກະບໍ່ພາກັນເຂົາເຮັດລະເນາະ ບັດນິລູດສິດກະໃຊ້ແຕ່ສັດທາຢ່າງດຽວ ບໍ່ໃຊ້ປັນຍາຄວບຄູ່ໄປນຳ ເຊື່ອແຕ່ວ່າ ອາຈານກູເປັນອາຣະຫັນ ກູ່ເຊື່ອອາຈານກູ ເອົາເງິນໃຫ້ໂລດບໍ່ເປັນຫຍັງ ອືມ ເພິ່ນເປັນອາຣະຫັນກໍ່ຈິງ ເພິ່ນນະລອດ ແຕ່ເມິງ ບໍ່ລອດ
ລູກສິດວັດສາມແຍກນີ້ ສອນທໍາມະ ໃຊ້ອາລົມຮຸນແຮງຫລາຍ ຄືກັບພະກະເສມເລີຍ ສອນແບບໂຫດໆ
ຮ່ວຍ ຄັນເປັນຈັ່ງຊີ້ ກະຍັງມີຄົນຢາກອ່ານສິ່ງທີ່ເຈົ້າຂຽນຢູ່ບໍເນາະ???
ເຈົ້າກະຄິດວ່າເຈົ້າເປັນຜູ້ຊ່ວຍເຊີດຊູສາສໜາແທ້ບໍ? ຫຼື ....
ເຈົ້າຄິດວ່າສອນແບບເຈົ້ານີ້ມັນກະສົມຄວນຢູ່ບໍ?
.................................................
Anonymous wrote:ລູກສິດວັດສາມແຍກນີ້ ສອນທໍາມະ ໃຊ້ອາລົມຮຸນແຮງຫລາຍ ຄືກັບພະກະເສມເລີຍ ສອນແບບໂຫດໆ ຮ່ວຍ ຄັນເປັນຈັ່ງຊີ້ ກະຍັງມີຄົນຢາກອ່ານສິ່ງທີ່ເຈົ້າຂຽນຢູ່ບໍເນາະ???ເຈົ້າກະຄິດວ່າເຈົ້າເປັນຜູ້ຊ່ວຍເຊີດຊູສາສໜາແທ້ບໍ? ຫຼື ....ເຈົ້າຄິດວ່າສອນແບບເຈົ້ານີ້ມັນກະສົມຄວນຢູ່ບໍ?.................................................
ເວົ້າເລື່ອງທຳມະກະຕ້ອງເວົ້າໃຫ້ມັນກົງລະເນາະ ເພາະມັນເປັນຄວາມຈິງ ອັນລີລາປະກອບເຂົ້າ ທ່ານອາດເບິ່ງວ່າມັນບໍ່ສຸພາບ ອັນນັ້ນມັນເປັນສະໄຕນິໄສຂອງໃຜມັນ ທີ່ປະກອບເຂົ້າໃນການອະທິບາຍຊື່ໆ ແຕ່ເຮົາບໍ່ແມ່ນຊິໄປຄິດອາຄາດໃຜ ພຽງແຕ່ອະທິບາຍຫຼັກທຳໃຫ້ກັນຟັງ ເຮົາພຽງແຕ່ບໍ່ຢາກເຂົ້າໃກ້ພວກພິສຸທີ່ທຸສິນ ຄັນພວກທ່ານເຫຼົ່ານັ້ນກັບໃຈ ເຮົາກະຍິນດີນຳວ່າ ໂອ ກັບມາແລ້ວ ຍິນດີນຳເດີ ບໍ່ແມ່ນເຮົາມີອາລົມຈັ່ງຊັ້ນ ເຮົາຊິໄປອາຄາດທ່ານ ບໍ່ແມ່ນ.
ພຣະພຸດທະເຈົ້າເພິ່ນບອກວ່າ ຄັນໃຜກ່າວຫາວ່າທຳວິໄນຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ຈິງດອກ ເພິ່ນກະໃຫ້ອະທິບາຍໃຫ້ເຂົາຟັງຕາມຄວາມເປັນຈິງ ລະເພິ່ນກະບອກອີກວ່າຄັນເຫັນພິສຸໃດເຮັດຜິດວິໄນ ເຮົາຕ້ອງບອກ ເຂົາ ຄັນເຂົາບໍ່ຄິດແກ້ໄຂ ກະບໍ່ໃຫ້ວົນນຳ ບໍ່ໃຫ້ເຂົ້າໃກ້ ໃຫ້ໄລ່ໜີຈາກທຳວິໄນນີ້ ເພາະສະນັ້ນ ເຮົາມີໜ້າທີ່ພຽງແຕ່ບອກ ພຽງແຕ່ຊີ້ເເຈງຕາມຄວາມເປັນຈິງແລະຫຼັກຖານປະກອບ ໃສ່ຄັນໃຜບໍ່ຟັງ ບໍ່ເຊື່ອ ກະແລ້ວເເຕ່ເຂົາ ແຕ່ຊິໄປບັງຄັບເຂົາໃຫ້ເຊື່ອ ບໍ່ໄດ້ອີກໃດຫັ້ນ ສາດສະໜາພຸດບໍ່ບັງຄັບ ໃຜ ບໍ່ຍົ້ວໃຜໃຫ້ເຊື່ອອີກ
Anonymous wrote:ຕອບລູກສີດພະກະເສ ແລ້ວເອົາພະວິໄນ ໄປສອນຄົນທີ່ບໍ່ມີສ່ວນກ່ຽວຂ້ອງກັບພະວິໄນ ອັນນັ້ນມຳລາຍສາດສະໜາຢ່າງຮ້າຍແຮງ, ຜູ້ທີ່ຮູ້ວິໄນດີ ຕ້ອງແມ່ນຜູ້ຮັບຜີດຊອບທາບວິໄນເທົ່ານັ້ນ.ພະກະເສມ ເອົາວິໄນໄປສອນໂຍມ ມັນຕ້ອງອາບັດໃຫຍ່ ແາບັດໜັກແລ້ວ ຂາດຄວາມເປັນພະແລ້ວ ລູກສິດພະກະເສມ ນຳມາເອົາພະວິໄນມາສອນຄົນສາທາລະນະ ເປັນບາບຫຼາຍກວ່າປະຈິດຕີ (ຕົກຢູ່ໃນອາບັດຫຍັງ ທ່ານເກ່ງຊອກພະໄຕປິດົກ ເຊີນນຳມາອ້າງໃຫ້ແນ່) ນອກຈາກພະວິໄນແລ້ວ ຍັງມີ ພວກໂທດຂອງສັງຕະເພດ ໃນອະນັນຕິຍະກັມອີກ ມີຫຍັງແນ່ ລູກສິດພະກະເສມ ຄົງຈະຊອກໄດ້ດີ ຖາມວ່າ ພະກະເສມເປັນສອນທຳເຊັ່ນນັ້ນ ຄະນະສົງໄທໄດ້ປະກາດໃຫ້ຂາດຈາກຄວາມເປັນພະແລ້ວຍັງດືດຶງອັນນີ້ທ່ານມີຄວາມເຫັນເຊັ່ນໃດລູກສິດຜິດຈະເລີນຕາມຮອຍຈະໄດ້ຮັບໂທດເຊັ່ນໃດບາບອາບັດເບົາຍັງມີເຖິງຂະໜາດນັ້ນແລ້ວອາບັດໜັກຈະມີຫລາຍປານໃດລະ?ຄິດເອງ ຫາກຢາກສົ່ງເສີມສາສະໜາ ຄວນເອົາທຳມະ ແລະອະພິທຳໄປສອນຄົນ ສ່ວນວິໄນ ໃຫ່ພະເພິ່ນສອນກັນເອງເຖີດ
ຕອບລູກສີດພະກະເສ
ແລ້ວເອົາພະວິໄນ ໄປສອນຄົນທີ່ບໍ່ມີສ່ວນກ່ຽວຂ້ອງກັບພະວິໄນ ອັນນັ້ນມຳລາຍສາດສະໜາຢ່າງຮ້າຍແຮງ, ຜູ້ທີ່ຮູ້ວິໄນດີ ຕ້ອງແມ່ນຜູ້ຮັບຜີດຊອບທາບວິໄນເທົ່ານັ້ນ.
ພະກະເສມ ເອົາວິໄນໄປສອນໂຍມ ມັນຕ້ອງອາບັດໃຫຍ່ ແາບັດໜັກແລ້ວ ຂາດຄວາມເປັນພະແລ້ວ
ລູກສິດພະກະເສມ ນຳມາເອົາພະວິໄນມາສອນຄົນສາທາລະນະ ເປັນບາບຫຼາຍກວ່າປະຈິດຕີ (ຕົກຢູ່ໃນອາບັດຫຍັງ ທ່ານເກ່ງຊອກພະໄຕປິດົກ ເຊີນນຳມາອ້າງໃຫ້ແນ່) ນອກຈາກພະວິໄນແລ້ວ ຍັງມີ ພວກໂທດຂອງສັງຕະເພດ ໃນອະນັນຕິຍະກັມອີກ ມີຫຍັງແນ່ ລູກສິດພະກະເສມ ຄົງຈະຊອກໄດ້ດີ ຖາມວ່າ ພະກະເສມເປັນສອນທຳເຊັ່ນນັ້ນ ຄະນະສົງໄທໄດ້ປະກາດໃຫ້ຂາດຈາກຄວາມເປັນພະແລ້ວຍັງດືດຶງອັນນີ້ທ່ານມີຄວາມເຫັນເຊັ່ນໃດລູກສິດຜິດຈະເລີນຕາມຮອຍຈະໄດ້ຮັບໂທດເຊັ່ນໃດບາບອາບັດເບົາຍັງມີເຖິງຂະໜາດນັ້ນແລ້ວອາບັດໜັກຈະມີຫລາຍປານໃດລະ?ຄິດເອງ ຫາກຢາກສົ່ງເສີມສາສະໜາ ຄວນເອົາທຳມະ ແລະອະພິທຳໄປສອນຄົນ ສ່ວນວິໄນ ໃຫ່ພະເພິ່ນສອນກັນເອງເຖີດ