Pasalao

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ພາສາໄທ vs ພາສາລາວ
Anonymous

Date:
RE: ພາສາໄທ vs ພາສາລາວ


Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

    ພາສາລາວເກົ່າ...........  Mới Lao ngôn ngữ. (ພາສາລາວໄໝ່).

 

   ລົດໄຟ .................... Đào tạo

   ເຈັ້ຽເຊັດກົ້ນ...............Giấy vệ sinh

   ຖ່າຍຮູບ...................Chụp ảnh

 

  Lao của thế hệ mới được chuẩn bị để tìm hiểu ngôn ngữ chính thức mới của chúng tôi. Học ngôn ngữ mới của chúng tôi là điều kiện tiên quyết cho tất cả các công dân Lào.

   ໃຫ້ ພວກສູ ຮຽນ ພາສາທາງການໄໝ່  ບັກລາວຕາຂາວ.


 ອັນທີ່ມືງຂຽນມາມັນກ່ຽວຫຍັງວະ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,ພໍ່ມືງເປັນຫວຽດບໍ


        ເວົ້າຫັຍງ ໃຫ້ມຶງຣະວັງແນ່ເດີ.  ກູເປັນ ຫລານ ໄກສອນ ພົມວິຫານເດີ. ຫລຽວມຶງ ຫາຍ ສາຍສູນຄື ສົມ ບັດ ສົມພອນເດີ.



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

ห้องคลอด คือ ห้องประสูต

กระดาษทิดชู คือ เจี้ยอนามัย

ผ้าอนามัย ใช่ พาสาอันเดียวกัน

ถ่ายรูป คิอ ถ่ายฮูป

 


ภาษาไทย ยิ่งชั้นต่ำกว่าภาษาลาว เช่น 

+ ภาษาไทยว่า ห้องคลอด ภาษาลาวว่า ห้องประสูต(บ่แม่นห้องมรสุม) คำว่า คลอดลาว ก็ใช้แต่แพงไว้ใช้กับสัตว์ เช่นว่า หมาคลอดลูก ควายคลอดลูก บางครั้งก็ว่า หมาออกลูก ควายออกลูก ลาวว่า ห้องประสูต เป็นภาษาชั้นสูงกว่าไทย ๕๕๕๕๕๕

+ ผ้าอนามัย ลาวเว้าถูกต้องแล้ว เจั้ยอนามัยลาวเว้าถูกต้องแล้ว

+ ห้องมรสุม ภาษาทางการลาวแปลมาจาก ICU ROOM ไทยบ่มีภาษาใช้ก็เอาภาษาอังกฤษมาเลย คำว่า มรสุม แปลว่าช่วยใช้พ้นตาย มรณะ เป็นภาษาชั้นสูง

(เขียนอักษรไทยให้คนไทยอ่าน อย่าว่ากัน ยังมีคำไทยตลก และชั้นต่ำอีกมาก จะหาเวลาเขียนให้อ่านนะ ผ่านมามีแต่ไทยสร้างเรื่องเทสมากมาย ต่อไปจะสร้างเรี่องจริงเกี่ยวกับภาษาชั้นต่ำจริงๆ และตลกให้อ่านบ้าง)

 



__________________
Anonymous

Date:

ຄຳໄທ ວ່າ ສີສະ ເປັນສັບຊັ້ນສູງ ເຊິ່ງແປວ່າຫົວ ຖ້າເວົ້າວ່າsຫົວໄທວ່າບໍ່ສຸພາບ

ແຕ່ໄທກັບໄປໃຊ້ຄຳວ່າ ພະເຈົ້າຢູ່ຫົວ ອັນນີ້ພັດວ່າສັບຊັ້ນສູງ ຄືບໍ່ວ່າ ພະເຈົ້າຢູ່ສີສະ ງົງເຫວີຍ!



__________________
Anonymous

Date:

ພາສາລາວທີ່ໄດ້ຮັບຜົນສະທອ້ນຈາກພາສາຝຣັ່ງ

 

ສະລິບ    ໂສງໃນ

ເກຍ

ຕັ່ງຊົງ

ເບຼກ  ຕຢ  ເບຼກຣົດ

ເບຍ

ກາລະວັດ

))))))))))))))))))))))))

what else?

 



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

1013241_243616569146357_100346176_n.jpg



 เวียง หนองหล่ม (หรือเวียงหนองล่ม) เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ อยู่ อ. แม่จัน จ. เชียงราย ครอบคลุมพื้นที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 3 เขต คือ

(1) เทศบาล ต. จันจว้า อ. แม่จัน (2) เทศบาล ต. ท่าข้าวเปลือก อ. แม่จัน (3) อบต. ศรีโยนก อ. เชียงแสน จ. เชียงราย

เวียงหนองหล่ม มีร่องรอยและหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของบรรพชนคนไทยและคนเชียงรายเมื่อหลายพันปีที่แล้ว

มีนิทานคำบอกเล่าเรื่องปลาไหลเผือก เป็นพล็อตมีลักษณะยูนิเวอร์แซลที่คลาสสิคมาก เกี่ยวกับภูมิประเทศ แต่การศึกษาไทยไม่ยกย่องสิ่งนี้ ทำให้สังคมไทยมีจินตนาการบกพร่อง ส่งผลให้อ่อนด้อยทางความคิดสร้างสรรค์

บริเวณนี้ต่อมาได้ชื่อโยนก มีคนหลายเผ่าพันธุ์นับถือศาสนาผีเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่ง แล้วมีบ้านเมืองนับถือพุทธปนผี ราวหลัง พ.ศ. 1700 เรียกเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยชื่อต่างๆกัน แต่อยู่ในวัฒนธรรมลาว มีรายนามกษัตริย์นำหน้าด้วยคำว่าลาว

มิวเซียมท้องถิ่นเวียงหนองหล่ม (มีชื่อทางการว่าศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชเวียงหนองหล่ม) จัดแสดงเบื้องต้นอย่างง่ายๆเกี่ยวกับหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีและมานุษยวิทยา อยู่ในโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม ต. จันจว้าใต้ อ. แม่จัน จ. เชียงราย

ขอคารวะผู้บริหารสถานศึกษาแห่งนี้ ที่สนับสนุนให้มีมิวเซียมง่ายๆในโรงเรียน เพื่อแบ่งปันเผยแพร่ความรู้ท้องถิ่นสู่นักเรียนและชาวบ้าน

ควรเพิ่มคำอธิบายชื่อบ้านนามเมืองในท้องถิ่นนี้ว่ามีความหมายอะไร? แปลว่าอะไร? ซึ่งจะบอกความเป็นมาของพื้นที่ใกล้ตัวอย่างกว้างๆง่ายๆ

จันจว้า ในชื่อตำบล แปลว่าอะไร? หมายถึงอะไร? ผมหาไม่พบในพจนานุกรมภาษาล้านนา ต้องพึ่งพาผู้รู้ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ของเทศบาลจันจว้า ได้ความโดยสรุปว่าหมายถึง น้ำหลาก น้ำไหล จากน้ำแม่จัน จะคัดมาดังนี้

“จันจว้า” อ่านว่า จัน-จะ-ว้า (Jan–Ja–Wa) เป็นคำพื้นเมืองล้านนา เกิดจากคำว่า “จัน” ซึ่งหมายถึงแม่น้ำจัน และคำว่า “จว้า” เป็นกิริยาในภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึงของเหลวที่เคลื่อนที่แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

รวมความหมายของคำว่า “จันจว้า” หมายถึง บริเวณที่น้ำแม่จันไหลแผ่กระจายทุกทิศทุกทางไม่หลงเหลือลักษณะของน้ำแม่จันอยู่เลย

บริเวณที่ถูกเรียกว่า “จันจว้า” มีพื้นที่กว้างขวางกินพื้นที่ประมาณ 23 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารเพราะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ถูกทับถมด้วยสารอินทรียวัตถุมากมาย ประชาชนส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเกษตร

สายน้ำจันถูกแบ่งสันปันส่วนเข้าสู่ผืนนาด้วยภูมิปัญญาของคนล้านนา เช่น การทดน้ำแบบเหมืองฝาย จากน้ำจันสายใหญ่ค่อยๆ แบ่งเป็นสายขนาดกลาง ขนาดเล็ก และสุดท้ายเปลี่ยนเป็นลำเหมืองเข้าสู่เรือกนาของคนจันจว้า ที่ใช้ชีวิตในแบบฉบับของคนล้านนา อยู่กันอย่างเอื้ออาทร ห่วงใยซึ่งกันและกัน คนที่อยู่เหนือน้ำจันเห็นใจผู้ที่อยู่ใต้น้ำจัน คอยแบ่งปันในหน้าแล้งเป็นเวลาน้ำมีน้อย น้ำจันจะไหลตลอดปีไม่มีขาดหาย

เทศบาลตำบลจันจว้า แต่เดิมเป็นตำบลเดียวชื่อ “ตำบลจันจว้า” เป็นเขตการปกครองของสุขาภิบาล ต่อมาแบ่งเขตเป็น 2 ตำบล คือ ตำบลจันจว้า และตำบลจันจว้าใต้ ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเปลี่ยนแปลงฐานะจากสุขาภิบาล เป็นเทศบาล

ผมอ่านแล้วคล้อยตามคำอธิบายชื่อ“จันจว้า”ที่คัดมานี้ จึงขอแสดงความคารวะมายังผู้บริหารเทศบาลจันจว้า ที่ให้แบ่งปันข้อมูลความรู้สู่สาธารณะอย่างนี้ ซึ่งหายากมากๆจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อื่นๆทั่วประเทศ

จว้า เป็นคำล้านนา น่าจะตรงกับคำภาคกลางว่า จ้า หมายถึง มาก แต่ไม่แน่ใจ ขอปรึกษาผู้รู้กรุณาแนะนำด้วย

น้ำแม่จัน (แม่น้ำจัน) ต้นน้ำเกิดจากดอยสามเสาน้อย ติดเขตรัฐฉานของพม่า ทางทิศตะวันตกของ อ. แม่จัน

ไหลผ่าน อ. แม่จัน ไปทางตะวันออกลงน้ำแม่คำ แล้วลงแม่น้ำโขง ที่สบคำ อ. เชียงแสน

จัน เป็นชื่อได้จากอะไร? ค้นไม่พบคำอธิบาย

แต่มีชื่อไม้ต้นชนิดหนึ่งว่าจัน เรียกหลายอย่างตามลักษณะของผล เช่น จันโอ (ผลกลมมน ข้างในมีเมล็ด) จันอิน (ผลกลมแป้น ไม่มีเมล็ด) หรืออาจได้จากชื่ออื่นอีกก็ได้

[​IMG]



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

1013241_243616569146357_100346176_n.jpg



 เวียง หนองหล่ม (หรือเวียงหนองล่ม) เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ อยู่ อ. แม่จัน จ. เชียงราย ครอบคลุมพื้นที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 3 เขต คือ

(1) เทศบาล ต. จันจว้า อ. แม่จัน (2) เทศบาล ต. ท่าข้าวเปลือก อ. แม่จัน (3) อบต. ศรีโยนก อ. เชียงแสน จ. เชียงราย

เวียงหนองหล่ม มีร่องรอยและหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของบรรพชนคนไทยและคนเชียงรายเมื่อหลายพันปีที่แล้ว

มีนิทานคำบอกเล่าเรื่องปลาไหลเผือก เป็นพล็อตมีลักษณะยูนิเวอร์แซลที่คลาสสิคมาก เกี่ยวกับภูมิประเทศ แต่การศึกษาไทยไม่ยกย่องสิ่งนี้ ทำให้สังคมไทยมีจินตนาการบกพร่อง ส่งผลให้อ่อนด้อยทางความคิดสร้างสรรค์

บริเวณนี้ต่อมาได้ชื่อโยนก มีคนหลายเผ่าพันธุ์นับถือศาสนาผีเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่ง แล้วมีบ้านเมืองนับถือพุทธปนผี ราวหลัง พ.ศ. 1700 เรียกเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยชื่อต่างๆกัน แต่อยู่ในวัฒนธรรมลาว มีรายนามกษัตริย์นำหน้าด้วยคำว่าลาว

มิวเซียมท้องถิ่นเวียงหนองหล่ม (มีชื่อทางการว่าศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชเวียงหนองหล่ม) จัดแสดงเบื้องต้นอย่างง่ายๆเกี่ยวกับหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีและมานุษยวิทยา อยู่ในโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม ต. จันจว้าใต้ อ. แม่จัน จ. เชียงราย

ขอคารวะผู้บริหารสถานศึกษาแห่งนี้ ที่สนับสนุนให้มีมิวเซียมง่ายๆในโรงเรียน เพื่อแบ่งปันเผยแพร่ความรู้ท้องถิ่นสู่นักเรียนและชาวบ้าน

ควรเพิ่มคำอธิบายชื่อบ้านนามเมืองในท้องถิ่นนี้ว่ามีความหมายอะไร? แปลว่าอะไร? ซึ่งจะบอกความเป็นมาของพื้นที่ใกล้ตัวอย่างกว้างๆง่ายๆ

จันจว้า ในชื่อตำบล แปลว่าอะไร? หมายถึงอะไร? ผมหาไม่พบในพจนานุกรมภาษาล้านนา ต้องพึ่งพาผู้รู้ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ของเทศบาลจันจว้า ได้ความโดยสรุปว่าหมายถึง น้ำหลาก น้ำไหล จากน้ำแม่จัน จะคัดมาดังนี้

“จันจว้า” อ่านว่า จัน-จะ-ว้า (Jan–Ja–Wa) เป็นคำพื้นเมืองล้านนา เกิดจากคำว่า “จัน” ซึ่งหมายถึงแม่น้ำจัน และคำว่า “จว้า” เป็นกิริยาในภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึงของเหลวที่เคลื่อนที่แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

รวมความหมายของคำว่า “จันจว้า” หมายถึง บริเวณที่น้ำแม่จันไหลแผ่กระจายทุกทิศทุกทางไม่หลงเหลือลักษณะของน้ำแม่จันอยู่เลย

บริเวณที่ถูกเรียกว่า “จันจว้า” มีพื้นที่กว้างขวางกินพื้นที่ประมาณ 23 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารเพราะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ถูกทับถมด้วยสารอินทรียวัตถุมากมาย ประชาชนส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเกษตร

สายน้ำจันถูกแบ่งสันปันส่วนเข้าสู่ผืนนาด้วยภูมิปัญญาของคนล้านนา เช่น การทดน้ำแบบเหมืองฝาย จากน้ำจันสายใหญ่ค่อยๆ แบ่งเป็นสายขนาดกลาง ขนาดเล็ก และสุดท้ายเปลี่ยนเป็นลำเหมืองเข้าสู่เรือกนาของคนจันจว้า ที่ใช้ชีวิตในแบบฉบับของคนล้านนา อยู่กันอย่างเอื้ออาทร ห่วงใยซึ่งกันและกัน คนที่อยู่เหนือน้ำจันเห็นใจผู้ที่อยู่ใต้น้ำจัน คอยแบ่งปันในหน้าแล้งเป็นเวลาน้ำมีน้อย น้ำจันจะไหลตลอดปีไม่มีขาดหาย

เทศบาลตำบลจันจว้า แต่เดิมเป็นตำบลเดียวชื่อ “ตำบลจันจว้า” เป็นเขตการปกครองของสุขาภิบาล ต่อมาแบ่งเขตเป็น 2 ตำบล คือ ตำบลจันจว้า และตำบลจันจว้าใต้ ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเปลี่ยนแปลงฐานะจากสุขาภิบาล เป็นเทศบาล

ผมอ่านแล้วคล้อยตามคำอธิบายชื่อ“จันจว้า”ที่คัดมานี้ จึงขอแสดงความคารวะมายังผู้บริหารเทศบาลจันจว้า ที่ให้แบ่งปันข้อมูลความรู้สู่สาธารณะอย่างนี้ ซึ่งหายากมากๆจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อื่นๆทั่วประเทศ

จว้า เป็นคำล้านนา น่าจะตรงกับคำภาคกลางว่า จ้า หมายถึง มาก แต่ไม่แน่ใจ ขอปรึกษาผู้รู้กรุณาแนะนำด้วย

น้ำแม่จัน (แม่น้ำจัน) ต้นน้ำเกิดจากดอยสามเสาน้อย ติดเขตรัฐฉานของพม่า ทางทิศตะวันตกของ อ. แม่จัน

ไหลผ่าน อ. แม่จัน ไปทางตะวันออกลงน้ำแม่คำ แล้วลงแม่น้ำโขง ที่สบคำ อ. เชียงแสน

จัน เป็นชื่อได้จากอะไร? ค้นไม่พบคำอธิบาย

แต่มีชื่อไม้ต้นชนิดหนึ่งว่าจัน เรียกหลายอย่างตามลักษณะของผล เช่น จันโอ (ผลกลมมน ข้างในมีเมล็ด) จันอิน (ผลกลมแป้น ไม่มีเมล็ด) หรืออาจได้จากชื่ออื่นอีกก็ได้

[​IMG]


 

รายพระนามกษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงแสน

ยุคเมืองหิรัญนคร

  1. พญาลวจักราช (ลาวจก)
  2. พญาลาวเก๊าแก้วมาเมือง
  3. พญาลาวเส้า (ลาวเสา)
  4. พญาลาวตัง (ลาวพัง)
  5. พญาลาวกลม (ลาวหลวง)
  6. พญาลาวเหลว
  7. พญาลาวกับ
  8. พญาลาวคิม (ลาวกิน)

ยุคเมืองเงินยาง

  1. พญาลาวเคียง
  2. พญาลาวคิว
  3. พญาลาวเทิง (ลาวติง)
  4. พญาลาวทึง (ลาวเติง)
  5. พญาลาวคน
  6. พญาลาวสม
  7. พญาลาวกวก (ลาวพวก)
  8. พญาลาวกิว (ลาวกวิน)
  9. พญาลาวจง
  10. พญาจอมผาเรือง
  11. พญาลาวเจิง (ลาวเจื๋อง)
  12. พญาลาวเงินเรือง
  13. พญาลาวซิน (ลาวชื่น)
  14. พญาลาวมิง
  15. พญาลาวเมือง (ลาวเมิง)
  16. พญาลาวเมง (พระบิดาพญามังราย แห่งล้านนา)




__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

1013241_243616569146357_100346176_n.jpg



 เวียง หนองหล่ม (หรือเวียงหนองล่ม) เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ อยู่ อ. แม่จัน จ. เชียงราย ครอบคลุมพื้นที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 3 เขต คือ

(1) เทศบาล ต. จันจว้า อ. แม่จัน (2) เทศบาล ต. ท่าข้าวเปลือก อ. แม่จัน (3) อบต. ศรีโยนก อ. เชียงแสน จ. เชียงราย

เวียงหนองหล่ม มีร่องรอยและหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของบรรพชนคนไทยและคนเชียงรายเมื่อหลายพันปีที่แล้ว

มีนิทานคำบอกเล่าเรื่องปลาไหลเผือก เป็นพล็อตมีลักษณะยูนิเวอร์แซลที่คลาสสิคมาก เกี่ยวกับภูมิประเทศ แต่การศึกษาไทยไม่ยกย่องสิ่งนี้ ทำให้สังคมไทยมีจินตนาการบกพร่อง ส่งผลให้อ่อนด้อยทางความคิดสร้างสรรค์

บริเวณนี้ต่อมาได้ชื่อโยนก มีคนหลายเผ่าพันธุ์นับถือศาสนาผีเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่ง แล้วมีบ้านเมืองนับถือพุทธปนผี ราวหลัง พ.ศ. 1700 เรียกเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยชื่อต่างๆกัน แต่อยู่ในวัฒนธรรมลาว มีรายนามกษัตริย์นำหน้าด้วยคำว่าลาว

มิวเซียมท้องถิ่นเวียงหนองหล่ม (มีชื่อทางการว่าศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชเวียงหนองหล่ม) จัดแสดงเบื้องต้นอย่างง่ายๆเกี่ยวกับหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีและมานุษยวิทยา อยู่ในโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม ต. จันจว้าใต้ อ. แม่จัน จ. เชียงราย

ขอคารวะผู้บริหารสถานศึกษาแห่งนี้ ที่สนับสนุนให้มีมิวเซียมง่ายๆในโรงเรียน เพื่อแบ่งปันเผยแพร่ความรู้ท้องถิ่นสู่นักเรียนและชาวบ้าน

ควรเพิ่มคำอธิบายชื่อบ้านนามเมืองในท้องถิ่นนี้ว่ามีความหมายอะไร? แปลว่าอะไร? ซึ่งจะบอกความเป็นมาของพื้นที่ใกล้ตัวอย่างกว้างๆง่ายๆ

จันจว้า ในชื่อตำบล แปลว่าอะไร? หมายถึงอะไร? ผมหาไม่พบในพจนานุกรมภาษาล้านนา ต้องพึ่งพาผู้รู้ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ของเทศบาลจันจว้า ได้ความโดยสรุปว่าหมายถึง น้ำหลาก น้ำไหล จากน้ำแม่จัน จะคัดมาดังนี้

“จันจว้า” อ่านว่า จัน-จะ-ว้า (Jan–Ja–Wa) เป็นคำพื้นเมืองล้านนา เกิดจากคำว่า “จัน” ซึ่งหมายถึงแม่น้ำจัน และคำว่า “จว้า” เป็นกิริยาในภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึงของเหลวที่เคลื่อนที่แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

รวมความหมายของคำว่า “จันจว้า” หมายถึง บริเวณที่น้ำแม่จันไหลแผ่กระจายทุกทิศทุกทางไม่หลงเหลือลักษณะของน้ำแม่จันอยู่เลย

บริเวณที่ถูกเรียกว่า “จันจว้า” มีพื้นที่กว้างขวางกินพื้นที่ประมาณ 23 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารเพราะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ถูกทับถมด้วยสารอินทรียวัตถุมากมาย ประชาชนส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเกษตร

สายน้ำจันถูกแบ่งสันปันส่วนเข้าสู่ผืนนาด้วยภูมิปัญญาของคนล้านนา เช่น การทดน้ำแบบเหมืองฝาย จากน้ำจันสายใหญ่ค่อยๆ แบ่งเป็นสายขนาดกลาง ขนาดเล็ก และสุดท้ายเปลี่ยนเป็นลำเหมืองเข้าสู่เรือกนาของคนจันจว้า ที่ใช้ชีวิตในแบบฉบับของคนล้านนา อยู่กันอย่างเอื้ออาทร ห่วงใยซึ่งกันและกัน คนที่อยู่เหนือน้ำจันเห็นใจผู้ที่อยู่ใต้น้ำจัน คอยแบ่งปันในหน้าแล้งเป็นเวลาน้ำมีน้อย น้ำจันจะไหลตลอดปีไม่มีขาดหาย

เทศบาลตำบลจันจว้า แต่เดิมเป็นตำบลเดียวชื่อ “ตำบลจันจว้า” เป็นเขตการปกครองของสุขาภิบาล ต่อมาแบ่งเขตเป็น 2 ตำบล คือ ตำบลจันจว้า และตำบลจันจว้าใต้ ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเปลี่ยนแปลงฐานะจากสุขาภิบาล เป็นเทศบาล

ผมอ่านแล้วคล้อยตามคำอธิบายชื่อ“จันจว้า”ที่คัดมานี้ จึงขอแสดงความคารวะมายังผู้บริหารเทศบาลจันจว้า ที่ให้แบ่งปันข้อมูลความรู้สู่สาธารณะอย่างนี้ ซึ่งหายากมากๆจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อื่นๆทั่วประเทศ

จว้า เป็นคำล้านนา น่าจะตรงกับคำภาคกลางว่า จ้า หมายถึง มาก แต่ไม่แน่ใจ ขอปรึกษาผู้รู้กรุณาแนะนำด้วย

น้ำแม่จัน (แม่น้ำจัน) ต้นน้ำเกิดจากดอยสามเสาน้อย ติดเขตรัฐฉานของพม่า ทางทิศตะวันตกของ อ. แม่จัน

ไหลผ่าน อ. แม่จัน ไปทางตะวันออกลงน้ำแม่คำ แล้วลงแม่น้ำโขง ที่สบคำ อ. เชียงแสน

จัน เป็นชื่อได้จากอะไร? ค้นไม่พบคำอธิบาย

แต่มีชื่อไม้ต้นชนิดหนึ่งว่าจัน เรียกหลายอย่างตามลักษณะของผล เช่น จันโอ (ผลกลมมน ข้างในมีเมล็ด) จันอิน (ผลกลมแป้น ไม่มีเมล็ด) หรืออาจได้จากชื่ออื่นอีกก็ได้

[​IMG]


 

รายพระนามกษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงแสน

ยุคเมืองหิรัญนคร

  1. พญาลวจักราช (ลาวจก)
  2. พญาลาวเก๊าแก้วมาเมือง
  3. พญาลาวเส้า (ลาวเสา)
  4. พญาลาวตัง (ลาวพัง)
  5. พญาลาวกลม (ลาวหลวง)
  6. พญาลาวเหลว
  7. พญาลาวกับ
  8. พญาลาวคิม (ลาวกิน)

ยุคเมืองเงินยาง

  1. พญาลาวเคียง
  2. พญาลาวคิว
  3. พญาลาวเทิง (ลาวติง)
  4. พญาลาวทึง (ลาวเติง)
  5. พญาลาวคน
  6. พญาลาวสม
  7. พญาลาวกวก (ลาวพวก)
  8. พญาลาวกิว (ลาวกวิน)
  9. พญาลาวจง
  10. พญาจอมผาเรือง
  11. พญาลาวเจิง (ลาวเจื๋อง)
  12. พญาลาวเงินเรือง
  13. พญาลาวซิน (ลาวชื่น)
  14. พญาลาวมิง
  15. พญาลาวเมือง (ลาวเมิง)
  16. พญาลาวเมง (พระบิดาพญามังราย แห่งล้านนา)



 จากข้อมูลข้างบนจะเห็นได้ว่า กษัตริย์ก่อนที่จะมีอาณาจักรล้านนาจะมีคำนำหน้าว่า"ลาว" พระบิดาของพญาเมงรายก็คือพญาลาวเมง

คำว่า"ลาว"ในภาษาล้านนาโบราณจึงหมายความว่า"ผู้เป็นนาย" หรือ เจ้านาย

ตามบันทึกขอมโบราณ(เขมร) คำว่าลาวแปลว่าผู้นำ ส่วนคำว่า"สยาม"หรือ"เสียม"แปลตามภาษาขอมคือ"ขี้ข้า"

สมัยเมื่อหลายพันปีก่อนที่ขอมยังเป็นมหาอำนาจ ขอมเอาพวกเสียมมาเป็นทาส เป็นขี้ข้า ตั้งเมืองทาสชื่อเสียมราดให้อยู่ซึ่งเป็นเมืองของทาสโดยเฉพาะ

แยกออกไปจากเมืองอื่นๆจากชนชาวขอมโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น สยาม หรือ เสียม ในภาษาเขมรจึงแปลว่า ขี้ข้า






__________________
Anonymous

Date:

ຂ້ອຍຄົນໄທຫັດພິມອັກສອນລາວໃຫ້ຄົນລາວອ່ານເດີ້ ແລະກໍ

ມີສັບໃໝ່ຂອງລາວມາຖາມເຊັ່ນ:

- ຜູ້ຖືກຫາ ແປວ່າຫຍັງ? ຂ້ອຍອ່ານຂ່າວໝັງສືພິມລາວຂຽນ

ວ່າ ທ້າວບຸນມາ ຜູ້ຖືກຫາໃນຄະດີປຸ້ນສັບໄດ້ແຂວນຄໍຕາຍ....

ຂ້ອຍຖາມຄົນລາວຫລາຍຄົນພວກເຂົາອະທິບາຍໃຫ້ຂ້ອຍຟັງ

ແຕ່ວ່າແຕ່ລະຄົນເວົ້າບໍ່ຄືກັນດັ່ງນີ້:

- ຜູ້ຖືກຫາ = ແມ່ນຜູ້ທີ່ເຮົາຫາຫຼືວານໄປຊ່ອຍວຽກອັນໃດອັນໜຶ່ງ.

              = ແມ່ນຜູ້ຖືກຫາວ່າເປັນຜູ້ເຮັດຜິດກົດໝາຍ.

              = ແມ່ນຜູ້ຖືກກ່າວຫາທຳຄວາມຜິດ.

              = ແມ່ນຜູ້ຖືກຂໍ້ຫາ

              = ແມ່ນຜູ້ຕ້ອງຫາ

              = ແມ່ນຜູ້ເປັນນັກໂທດ....ອັນນີ້ແຮງໄປກັນໃຫຍ່!

ຂ້ອຍລະງົງເພາະບໍ່ເປັນເອກະພາບກັນເລີຍອັນສັບໃໝ່ພາສາລ້ານເຈົ້ານັ້ນ.



__________________
Anonymous

Date:
คำไทยที่ลาวยืม


รู้หรือไม่ว่าคำหลาย ๆ ที่เป็นศัพท์เทคนิค ลาวได้ยืมคำที่ไทยคิด(โดยแปลงจากบาลีสันกฤต )มาใช้หลายคำ  เช่น  ประชาธิปไตย   ประวัติศาสตร์   วัฒนธรรม สัมมนา สาธารณสุข  รัฐสภา รถไฟ  ไฟฟ้า  ประปา  ฯลฯ
ตัวอย่างที่มาของคำ
1. "ประวัติศาสตร์"
เกิดจากการสมาสคำภาษาบาลี "ประวัติ" (ปวตฺติ) ซึ่งหมายถึง เรื่องราวความเป็นไป และคำภาษาสันสกฤต "ศาสตร์" (ศาสฺตฺร) ซึ่งแปลว่า ความรู้

"ประวัติศาสตร์" ถูกบัญญัติขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเทียบเคียงกับคำว่า "History" และเพื่อให้มีความหมายครอบคลุมมากกว่าคำว่า "พงศาวดาร" (Chronicle) ที่ใช้กันมาแต่เดิม[8]

สำหรับคำว่า history มีที่มาจากคำว่า historia ในภาษากรีก ซึ่งมีความหมายว่าการไต่สวนหรือค้นคว้า

  2.วัฒนธรรม

คำว่า วัฒนธรรม ถอดศัพท์มาจากภาษาอังกฤษว่า Culture เป็นคำที่พลตรี พระเจ้าวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ทรงบัญญัติไว้ โดยมาจากการรวมกันของสองคำ คือ วัฒน มาจาก วฑฺฒน ในภาษาบาลี หมายถึง ความเจริญงอกงาม และธรรม มาจาก ธฺรม ในภาษาสันสกฤต หมายถึง สภาพที่เป็นอยู่จริง ดังนั้นวัฒนธรรมจึงหมายถึง สภาพที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม หรือความมีระเบียบวินัย คำว่า “วัฒนธรรม” มีใช้เป็นหลักฐานทางราชการครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2483ระราชบัญญัติบำรุงวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๔๘๓ ซึ่งต่อมาได้ถูกยกเลิกไป โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธราช 2485น และใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน   

200px-Waithayakon.jpg

 

 

 



__________________
Anonymous

Date:
RE: ພາສາໄທ vs ພາສາລາວ


รู้หรือไม่ว่าคำหลาย ๆ ที่เป็นศัพท์เทคนิค ลาวได้ยืมคำที่ไทยคิด(โดยแปลงจากบาลีสันกฤต )มาใช้หลายคำ  เช่น  ประชาธิปไตย   ประวัติศาสตร์   วัฒนธรรม สัมมนา สาธารณสุข  รัฐสภา รถไฟ  ไฟฟ้า  ประปา  ฯลฯ
ตัวอย่างที่มาของคำ
1. "ประวัติศาสตร์"
เกิดจากการสมาสคำภาษาบาลี "ประวัติ" (ปวตฺติ) ซึ่งหมายถึง เรื่องราวความเป็นไป และคำภาษาสันสกฤต "ศาสตร์" (ศาสฺตฺร) ซึ่งแปลว่า ความรู้

"ประวัติศาสตร์" ถูกบัญญัติขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเทียบเคียงกับคำว่า "History" และเพื่อให้มีความหมายครอบคลุมมากกว่าคำว่า "พงศาวดาร" (Chronicle) ที่ใช้กันมาแต่เดิม[8]

สำหรับคำว่า history มีที่มาจากคำว่า historia ในภาษากรีก ซึ่งมีความหมายว่าการไต่สวนหรือค้นคว้า

  2.วัฒนธรรม

คำว่า วัฒนธรรม ถอดศัพท์มาจากภาษาอังกฤษว่า Culture เป็นคำที่พลตรี พระเจ้าวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ทรงบัญญัติไว้ โดยมาจากการรวมกันของสองคำ คือ วัฒน มาจาก วฑฺฒน ในภาษาบาลี หมายถึง ความเจริญงอกงาม และธรรม มาจาก ธฺรม ในภาษาสันสกฤต หมายถึง สภาพที่เป็นอยู่จริง ดังนั้นวัฒนธรรมจึงหมายถึง สภาพที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม หรือความมีระเบียบวินัย คำว่า “วัฒนธรรม” มีใช้เป็นหลักฐานทางราชการครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2483ระราชบัญญัติบำรุงวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๔๘๓ ซึ่งต่อมาได้ถูกยกเลิกไป โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธราช 2485น และใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน   

200px-Waithayakon.jpg

 

 ທ່ານ ເອົາເລື່ອງຫຍັງມາບັນລະຍາຍໃຫ້ຄົນລາວຟັງ ແລະ ມັນໄຮ້ສາລະ ແລະ ບໍ່ປະໂຢດທີ່ມັນບໍ່ໄປກ່ຽວຂອ້ງກັບຄົນໄທຂອງທ່ານມາລັດເອົາປຽບກັບຄົນລາວ TVຊັອງ 7. ທ່ານກໍ່ຮູ້ຢູ່ແລ້ວວ່າລາວມີປະຫວັດສາດ ວັດທະນະທັມ ແລະ ພາເວົ້າ ພອ້ມທັງພາຂຽນຢ່າງສົມບູນ ມັນບໍ່ແຕກຕ່າງຫຍັງກັບປະເທດທົ່ວໂລກ. ຄົນໄທບໍ່ເຄີຍໃຫ້ກຽດຄົນອື່ນ ແລະ ຢາກມີຊື່ສຽງ ຢາກຮູ້ສະຫລາດເພື່ອເອົາປຽບປະເທດ Asean ແຕ່ສຸດທ້າຍແລັວກັບກາຍມາຄົນໂງ່

 



__________________



__________________
Anonymous

Date:

ກໍຍ້ອນປະເທດລາວເຮົາ ລັດຖະບານລາວເຮົາ ກະຊວງສຶກສາລາວເຮົາ

ບໍ່ເຫັນຄວາມສຳຄັນຂອງພາສາລາວເຮົາ ບໍ່ພັດທະນາພາສາລາວເຮົາ

ພາສາຫລືສັບທີ່ກຳເນີດຂຶ້ນມາໃໝ່ນັ້ນກໍເອົາແຕ່ຜູ້ຈະປັ້ນຈະແຕ່ງຂຶ້ນ.

ສັບແພດ ສັບກົໝາຍ ແລະສັບການເມືອງທີ່ເກີດຂຶ້ນມາໃໝ່ນັ້ນ ຈົນ

ເກືອບຈະບໍ່ເຂົ້າໃຈ ແລະຄິດວ່າເປັນພາສາຫຼືສັບຕະຫລາດໄປ ເພາະມັນ

ເປັນສັບທີ່ແປກໆທີ່ສຸດຈົນບໍ່ຄິດວ່າແມ່ນພາສາລາວເຮົາ. ໄທເອົາມາເຢາະ

ເຢີ້ຍນັ້ນມັນດີແລ້ວ ລາວເຮົາຈັ່ງຈະພາກັນຄາສະຫວ່າງແດ່ ແທນທີ່ຈະ

ຂອບໃຈເຂົາແທນການປະທ້ວງແລະດ່າເຂົາ.



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

ກໍຍ້ອນປະເທດລາວເຮົາ ລັດຖະບານລາວເຮົາ ກະຊວງສຶກສາລາວເຮົາ

ບໍ່ເຫັນຄວາມສຳຄັນຂອງພາສາລາວເຮົາ ບໍ່ພັດທະນາພາສາລາວເຮົາ

ພາສາຫລືສັບທີ່ກຳເນີດຂຶ້ນມາໃໝ່ນັ້ນກໍເອົາແຕ່ຜູ້ຈະປັ້ນຈະແຕ່ງຂຶ້ນ.

ສັບແພດ ສັບກົໝາຍ ແລະສັບການເມືອງທີ່ເກີດຂຶ້ນມາໃໝ່ນັ້ນ ຈົນ

ເກືອບຈະບໍ່ເຂົ້າໃຈ ແລະຄິດວ່າເປັນພາສາຫຼືສັບຕະຫລາດໄປ ເພາະມັນ

ເປັນສັບທີ່ແປກໆທີ່ສຸດຈົນບໍ່ຄິດວ່າແມ່ນພາສາລາວເຮົາ. ໄທເອົາມາເຢາະ

ເຢີ້ຍນັ້ນມັນດີແລ້ວ ລາວເຮົາຈັ່ງຈະພາກັນຄາສະຫວ່າງແດ່ ແທນທີ່ຈະ

ຂອບໃຈເຂົາແທນການປະທ້ວງແລະດ່າເຂົາ.


 ຄຳສັບໃຫມ່ໆທີ່ທ່ານໄດ້ກ່າວເຖິງມານີ້ມັນແມ່ນຄຳສັບຂອງພວກ dogtors ທີ່ຈົບມາຈາກມະຫາວິທຍາລັຍ

ກ້ອງຮົ່ມໄມ້ ສາຍຕີນພູເບັ້ຍກັນທັງນັ້ນ ຈຶ່ງເຮັດໃຫ້ຄົນລາວຄືເຮົາເຈົ້າຂ້ອຍເຂົ້າໃຈໄດ້ຍາກ ພາສາໃຊ້ໃນທາງ

ຣາຊການກໍຄືກັນກັບພາສາທີ່ພວກແມ່ຄ້າຕລາດເຊົ້າທົ່ງຂັນຄຳໃຊ້ກັນ.



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

คนไทยรู้จักประเทศเพื่อนบ้านน้อยมาก และยังไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวเอง


 Did you know why majorites of Khonthai knew so a little about their surrounding neighboring country ? 

Because 90% of Khonthai knew that Thailand is better than most of surrounding country which is truth, So that  they do not pay attention to their neighbors instead the country that better than Thailand. and the funny thing is: the majorities of the thais didn't know other country were look down on them too (Singapore, Malaysia, South Korea and Japan... never mind mention the Western countries.



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:
Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

1013241_243616569146357_100346176_n.jpg



 เวียง หนองหล่ม (หรือเวียงหนองล่ม) เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ อยู่ อ. แม่จัน จ. เชียงราย ครอบคลุมพื้นที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 3 เขต คือ

(1) เทศบาล ต. จันจว้า อ. แม่จัน (2) เทศบาล ต. ท่าข้าวเปลือก อ. แม่จัน (3) อบต. ศรีโยนก อ. เชียงแสน จ. เชียงราย

เวียงหนองหล่ม มีร่องรอยและหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของบรรพชนคนไทยและคนเชียงรายเมื่อหลายพันปีที่แล้ว

มีนิทานคำบอกเล่าเรื่องปลาไหลเผือก เป็นพล็อตมีลักษณะยูนิเวอร์แซลที่คลาสสิคมาก เกี่ยวกับภูมิประเทศ แต่การศึกษาไทยไม่ยกย่องสิ่งนี้ ทำให้สังคมไทยมีจินตนาการบกพร่อง ส่งผลให้อ่อนด้อยทางความคิดสร้างสรรค์

บริเวณนี้ต่อมาได้ชื่อโยนก มีคนหลายเผ่าพันธุ์นับถือศาสนาผีเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่ง แล้วมีบ้านเมืองนับถือพุทธปนผี ราวหลัง พ.ศ. 1700 เรียกเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยชื่อต่างๆกัน แต่อยู่ในวัฒนธรรมลาว มีรายนามกษัตริย์นำหน้าด้วยคำว่าลาว

มิวเซียมท้องถิ่นเวียงหนองหล่ม (มีชื่อทางการว่าศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชเวียงหนองหล่ม) จัดแสดงเบื้องต้นอย่างง่ายๆเกี่ยวกับหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีและมานุษยวิทยา อยู่ในโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม ต. จันจว้าใต้ อ. แม่จัน จ. เชียงราย

ขอคารวะผู้บริหารสถานศึกษาแห่งนี้ ที่สนับสนุนให้มีมิวเซียมง่ายๆในโรงเรียน เพื่อแบ่งปันเผยแพร่ความรู้ท้องถิ่นสู่นักเรียนและชาวบ้าน

ควรเพิ่มคำอธิบายชื่อบ้านนามเมืองในท้องถิ่นนี้ว่ามีความหมายอะไร? แปลว่าอะไร? ซึ่งจะบอกความเป็นมาของพื้นที่ใกล้ตัวอย่างกว้างๆง่ายๆ

จันจว้า ในชื่อตำบล แปลว่าอะไร? หมายถึงอะไร? ผมหาไม่พบในพจนานุกรมภาษาล้านนา ต้องพึ่งพาผู้รู้ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ของเทศบาลจันจว้า ได้ความโดยสรุปว่าหมายถึง น้ำหลาก น้ำไหล จากน้ำแม่จัน จะคัดมาดังนี้

“จันจว้า” อ่านว่า จัน-จะ-ว้า (Jan–Ja–Wa) เป็นคำพื้นเมืองล้านนา เกิดจากคำว่า “จัน” ซึ่งหมายถึงแม่น้ำจัน และคำว่า “จว้า” เป็นกิริยาในภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึงของเหลวที่เคลื่อนที่แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

รวมความหมายของคำว่า “จันจว้า” หมายถึง บริเวณที่น้ำแม่จันไหลแผ่กระจายทุกทิศทุกทางไม่หลงเหลือลักษณะของน้ำแม่จันอยู่เลย

บริเวณที่ถูกเรียกว่า “จันจว้า” มีพื้นที่กว้างขวางกินพื้นที่ประมาณ 23 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารเพราะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ถูกทับถมด้วยสารอินทรียวัตถุมากมาย ประชาชนส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเกษตร

สายน้ำจันถูกแบ่งสันปันส่วนเข้าสู่ผืนนาด้วยภูมิปัญญาของคนล้านนา เช่น การทดน้ำแบบเหมืองฝาย จากน้ำจันสายใหญ่ค่อยๆ แบ่งเป็นสายขนาดกลาง ขนาดเล็ก และสุดท้ายเปลี่ยนเป็นลำเหมืองเข้าสู่เรือกนาของคนจันจว้า ที่ใช้ชีวิตในแบบฉบับของคนล้านนา อยู่กันอย่างเอื้ออาทร ห่วงใยซึ่งกันและกัน คนที่อยู่เหนือน้ำจันเห็นใจผู้ที่อยู่ใต้น้ำจัน คอยแบ่งปันในหน้าแล้งเป็นเวลาน้ำมีน้อย น้ำจันจะไหลตลอดปีไม่มีขาดหาย

เทศบาลตำบลจันจว้า แต่เดิมเป็นตำบลเดียวชื่อ “ตำบลจันจว้า” เป็นเขตการปกครองของสุขาภิบาล ต่อมาแบ่งเขตเป็น 2 ตำบล คือ ตำบลจันจว้า และตำบลจันจว้าใต้ ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเปลี่ยนแปลงฐานะจากสุขาภิบาล เป็นเทศบาล

ผมอ่านแล้วคล้อยตามคำอธิบายชื่อ“จันจว้า”ที่คัดมานี้ จึงขอแสดงความคารวะมายังผู้บริหารเทศบาลจันจว้า ที่ให้แบ่งปันข้อมูลความรู้สู่สาธารณะอย่างนี้ ซึ่งหายากมากๆจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อื่นๆทั่วประเทศ

จว้า เป็นคำล้านนา น่าจะตรงกับคำภาคกลางว่า จ้า หมายถึง มาก แต่ไม่แน่ใจ ขอปรึกษาผู้รู้กรุณาแนะนำด้วย

น้ำแม่จัน (แม่น้ำจัน) ต้นน้ำเกิดจากดอยสามเสาน้อย ติดเขตรัฐฉานของพม่า ทางทิศตะวันตกของ อ. แม่จัน

ไหลผ่าน อ. แม่จัน ไปทางตะวันออกลงน้ำแม่คำ แล้วลงแม่น้ำโขง ที่สบคำ อ. เชียงแสน

จัน เป็นชื่อได้จากอะไร? ค้นไม่พบคำอธิบาย

แต่มีชื่อไม้ต้นชนิดหนึ่งว่าจัน เรียกหลายอย่างตามลักษณะของผล เช่น จันโอ (ผลกลมมน ข้างในมีเมล็ด) จันอิน (ผลกลมแป้น ไม่มีเมล็ด) หรืออาจได้จากชื่ออื่นอีกก็ได้

[​IMG]


 

รายพระนามกษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงแสน

ยุคเมืองหิรัญนคร

  1. พญาลวจักราช (ลาวจก)
  2. พญาลาวเก๊าแก้วมาเมือง
  3. พญาลาวเส้า (ลาวเสา)
  4. พญาลาวตัง (ลาวพัง)
  5. พญาลาวกลม (ลาวหลวง)
  6. พญาลาวเหลว
  7. พญาลาวกับ
  8. พญาลาวคิม (ลาวกิน)

ยุคเมืองเงินยาง

  1. พญาลาวเคียง
  2. พญาลาวคิว
  3. พญาลาวเทิง (ลาวติง)
  4. พญาลาวทึง (ลาวเติง)
  5. พญาลาวคน
  6. พญาลาวสม
  7. พญาลาวกวก (ลาวพวก)
  8. พญาลาวกิว (ลาวกวิน)
  9. พญาลาวจง
  10. พญาจอมผาเรือง
  11. พญาลาวเจิง (ลาวเจื๋อง)
  12. พญาลาวเงินเรือง
  13. พญาลาวซิน (ลาวชื่น)
  14. พญาลาวมิง
  15. พญาลาวเมือง (ลาวเมิง)
  16. พญาลาวเมง (พระบิดาพญามังราย แห่งล้านนา)



 จากข้อมูลข้างบนจะเห็นได้ว่า กษัตริย์ก่อนที่จะมีอาณาจักรล้านนาจะมีคำนำหน้าว่า"ลาว" พระบิดาของพญาเมงรายก็คือพญาลาวเมง

คำว่า"ลาว"ในภาษาล้านนาโบราณจึงหมายความว่า"ผู้เป็นนาย" หรือ เจ้านาย

ตามบันทึกขอมโบราณ(เขมร) คำว่าลาวแปลว่าผู้นำ ส่วนคำว่า"สยาม"หรือ"เสียม"แปลตามภาษาขอมคือ"ขี้ข้า"

สมัยเมื่อหลายพันปีก่อนที่ขอมยังเป็นมหาอำนาจ ขอมเอาพวกเสียมมาเป็นทาส เป็นขี้ข้า ตั้งเมืองทาสชื่อเสียมราดให้อยู่ซึ่งเป็นเมืองของทาสโดยเฉพาะ

แยกออกไปจากเมืองอื่นๆจากชนชาวขอมโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น สยาม หรือ เสียม ในภาษาเขมรจึงแปลว่า ขี้ข้า





 แล้วทำไมขี้ข้า มันเอาเจ้านายมาเป็นขี้ข้า และทำไมมันเอาคนที่เรียกมันขี้ข้า เอามาเป็นขี้ข้าเช่นกัน บอกหน่อยท่านผู้รู้



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

ກໍຍ້ອນປະເທດລາວເຮົາ ລັດຖະບານລາວເຮົາ ກະຊວງສຶກສາລາວເຮົາ

ບໍ່ເຫັນຄວາມສຳຄັນຂອງພາສາລາວເຮົາ ບໍ່ພັດທະນາພາສາລາວເຮົາ

ພາສາຫລືສັບທີ່ກຳເນີດຂຶ້ນມາໃໝ່ນັ້ນກໍເອົາແຕ່ຜູ້ຈະປັ້ນຈະແຕ່ງຂຶ້ນ.

ສັບແພດ ສັບກົໝາຍ ແລະສັບການເມືອງທີ່ເກີດຂຶ້ນມາໃໝ່ນັ້ນ ຈົນ

ເກືອບຈະບໍ່ເຂົ້າໃຈ ແລະຄິດວ່າເປັນພາສາຫຼືສັບຕະຫລາດໄປ ເພາະມັນ

ເປັນສັບທີ່ແປກໆທີ່ສຸດຈົນບໍ່ຄິດວ່າແມ່ນພາສາລາວເຮົາ. ໄທເອົາມາເຢາະ

ເຢີ້ຍນັ້ນມັນດີແລ້ວ ລາວເຮົາຈັ່ງຈະພາກັນຄາສະຫວ່າງແດ່ ແທນທີ່ຈະ

ຂອບໃຈເຂົາແທນການປະທ້ວງແລະດ່າເຂົາ.


 ຄຳສັບໃຫມ່ໆທີ່ທ່ານໄດ້ກ່າວເຖິງມານີ້ມັນແມ່ນຄຳສັບຂອງພວກ dogtors ທີ່ຈົບມາຈາກມະຫາວິທຍາລັຍ

ກ້ອງຮົ່ມໄມ້ ສາຍຕີນພູເບັ້ຍກັນທັງນັ້ນ ຈຶ່ງເຮັດໃຫ້ຄົນລາວຄືເຮົາເຈົ້າຂ້ອຍເຂົ້າໃຈໄດ້ຍາກ ພາສາໃຊ້ໃນທາງ

ຣາຊການກໍຄືກັນກັບພາສາທີ່ພວກແມ່ຄ້າຕລາດເຊົ້າທົ່ງຂັນຄຳໃຊ້ກັນ.


 ເຊີນຊາບ ເຊີນຊາບ  ຢຸດກະທູ້ນີ້ສາ ເນີ ໄຮສາຣະ ໄມ່ມີອະໄຣເລີຍ

 

ຂະບວນການ ຕີເປຕັງ

ຂະບວນການກິນເບຍ

ຂະບວນການຂໍເກັບເງິນ

ຊະບວນການຂາຍເລກ

ຂະບວນການຂາຍໜັງສືແບບບັງຄັບ

ຂະບວນການເກັບຄ່າກອງຫຼອນ

ມາແລ້ວ ເຊີນປະກອບສ່ວນ ຮ່ວມມືດ້ວຍ

 

 



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:
Anonymous wrote:
Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

1013241_243616569146357_100346176_n.jpg



 เวียง หนองหล่ม (หรือเวียงหนองล่ม) เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ อยู่ อ. แม่จัน จ. เชียงราย ครอบคลุมพื้นที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 3 เขต คือ

(1) เทศบาล ต. จันจว้า อ. แม่จัน (2) เทศบาล ต. ท่าข้าวเปลือก อ. แม่จัน (3) อบต. ศรีโยนก อ. เชียงแสน จ. เชียงราย

เวียงหนองหล่ม มีร่องรอยและหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของบรรพชนคนไทยและคนเชียงรายเมื่อหลายพันปีที่แล้ว

มีนิทานคำบอกเล่าเรื่องปลาไหลเผือก เป็นพล็อตมีลักษณะยูนิเวอร์แซลที่คลาสสิคมาก เกี่ยวกับภูมิประเทศ แต่การศึกษาไทยไม่ยกย่องสิ่งนี้ ทำให้สังคมไทยมีจินตนาการบกพร่อง ส่งผลให้อ่อนด้อยทางความคิดสร้างสรรค์

บริเวณนี้ต่อมาได้ชื่อโยนก มีคนหลายเผ่าพันธุ์นับถือศาสนาผีเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่ง แล้วมีบ้านเมืองนับถือพุทธปนผี ราวหลัง พ.ศ. 1700 เรียกเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยชื่อต่างๆกัน แต่อยู่ในวัฒนธรรมลาว มีรายนามกษัตริย์นำหน้าด้วยคำว่าลาว

มิวเซียมท้องถิ่นเวียงหนองหล่ม (มีชื่อทางการว่าศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชเวียงหนองหล่ม) จัดแสดงเบื้องต้นอย่างง่ายๆเกี่ยวกับหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีและมานุษยวิทยา อยู่ในโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม ต. จันจว้าใต้ อ. แม่จัน จ. เชียงราย

ขอคารวะผู้บริหารสถานศึกษาแห่งนี้ ที่สนับสนุนให้มีมิวเซียมง่ายๆในโรงเรียน เพื่อแบ่งปันเผยแพร่ความรู้ท้องถิ่นสู่นักเรียนและชาวบ้าน

ควรเพิ่มคำอธิบายชื่อบ้านนามเมืองในท้องถิ่นนี้ว่ามีความหมายอะไร? แปลว่าอะไร? ซึ่งจะบอกความเป็นมาของพื้นที่ใกล้ตัวอย่างกว้างๆง่ายๆ

จันจว้า ในชื่อตำบล แปลว่าอะไร? หมายถึงอะไร? ผมหาไม่พบในพจนานุกรมภาษาล้านนา ต้องพึ่งพาผู้รู้ช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ของเทศบาลจันจว้า ได้ความโดยสรุปว่าหมายถึง น้ำหลาก น้ำไหล จากน้ำแม่จัน จะคัดมาดังนี้

“จันจว้า” อ่านว่า จัน-จะ-ว้า (Jan–Ja–Wa) เป็นคำพื้นเมืองล้านนา เกิดจากคำว่า “จัน” ซึ่งหมายถึงแม่น้ำจัน และคำว่า “จว้า” เป็นกิริยาในภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึงของเหลวที่เคลื่อนที่แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

รวมความหมายของคำว่า “จันจว้า” หมายถึง บริเวณที่น้ำแม่จันไหลแผ่กระจายทุกทิศทุกทางไม่หลงเหลือลักษณะของน้ำแม่จันอยู่เลย

บริเวณที่ถูกเรียกว่า “จันจว้า” มีพื้นที่กว้างขวางกินพื้นที่ประมาณ 23 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารเพราะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ถูกทับถมด้วยสารอินทรียวัตถุมากมาย ประชาชนส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเกษตร

สายน้ำจันถูกแบ่งสันปันส่วนเข้าสู่ผืนนาด้วยภูมิปัญญาของคนล้านนา เช่น การทดน้ำแบบเหมืองฝาย จากน้ำจันสายใหญ่ค่อยๆ แบ่งเป็นสายขนาดกลาง ขนาดเล็ก และสุดท้ายเปลี่ยนเป็นลำเหมืองเข้าสู่เรือกนาของคนจันจว้า ที่ใช้ชีวิตในแบบฉบับของคนล้านนา อยู่กันอย่างเอื้ออาทร ห่วงใยซึ่งกันและกัน คนที่อยู่เหนือน้ำจันเห็นใจผู้ที่อยู่ใต้น้ำจัน คอยแบ่งปันในหน้าแล้งเป็นเวลาน้ำมีน้อย น้ำจันจะไหลตลอดปีไม่มีขาดหาย

เทศบาลตำบลจันจว้า แต่เดิมเป็นตำบลเดียวชื่อ “ตำบลจันจว้า” เป็นเขตการปกครองของสุขาภิบาล ต่อมาแบ่งเขตเป็น 2 ตำบล คือ ตำบลจันจว้า และตำบลจันจว้าใต้ ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเปลี่ยนแปลงฐานะจากสุขาภิบาล เป็นเทศบาล

ผมอ่านแล้วคล้อยตามคำอธิบายชื่อ“จันจว้า”ที่คัดมานี้ จึงขอแสดงความคารวะมายังผู้บริหารเทศบาลจันจว้า ที่ให้แบ่งปันข้อมูลความรู้สู่สาธารณะอย่างนี้ ซึ่งหายากมากๆจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อื่นๆทั่วประเทศ

จว้า เป็นคำล้านนา น่าจะตรงกับคำภาคกลางว่า จ้า หมายถึง มาก แต่ไม่แน่ใจ ขอปรึกษาผู้รู้กรุณาแนะนำด้วย

น้ำแม่จัน (แม่น้ำจัน) ต้นน้ำเกิดจากดอยสามเสาน้อย ติดเขตรัฐฉานของพม่า ทางทิศตะวันตกของ อ. แม่จัน

ไหลผ่าน อ. แม่จัน ไปทางตะวันออกลงน้ำแม่คำ แล้วลงแม่น้ำโขง ที่สบคำ อ. เชียงแสน

จัน เป็นชื่อได้จากอะไร? ค้นไม่พบคำอธิบาย

แต่มีชื่อไม้ต้นชนิดหนึ่งว่าจัน เรียกหลายอย่างตามลักษณะของผล เช่น จันโอ (ผลกลมมน ข้างในมีเมล็ด) จันอิน (ผลกลมแป้น ไม่มีเมล็ด) หรืออาจได้จากชื่ออื่นอีกก็ได้

[​IMG]


 

รายพระนามกษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงแสน

ยุคเมืองหิรัญนคร

  1. พญาลวจักราช (ลาวจก)
  2. พญาลาวเก๊าแก้วมาเมือง
  3. พญาลาวเส้า (ลาวเสา)
  4. พญาลาวตัง (ลาวพัง)
  5. พญาลาวกลม (ลาวหลวง)
  6. พญาลาวเหลว
  7. พญาลาวกับ
  8. พญาลาวคิม (ลาวกิน)

ยุคเมืองเงินยาง

  1. พญาลาวเคียง
  2. พญาลาวคิว
  3. พญาลาวเทิง (ลาวติง)
  4. พญาลาวทึง (ลาวเติง)
  5. พญาลาวคน
  6. พญาลาวสม
  7. พญาลาวกวก (ลาวพวก)
  8. พญาลาวกิว (ลาวกวิน)
  9. พญาลาวจง
  10. พญาจอมผาเรือง
  11. พญาลาวเจิง (ลาวเจื๋อง)
  12. พญาลาวเงินเรือง
  13. พญาลาวซิน (ลาวชื่น)
  14. พญาลาวมิง
  15. พญาลาวเมือง (ลาวเมิง)
  16. พญาลาวเมง (พระบิดาพญามังราย แห่งล้านนา)



 จากข้อมูลข้างบนจะเห็นได้ว่า กษัตริย์ก่อนที่จะมีอาณาจักรล้านนาจะมีคำนำหน้าว่า"ลาว" พระบิดาของพญาเมงรายก็คือพญาลาวเมง

คำว่า"ลาว"ในภาษาล้านนาโบราณจึงหมายความว่า"ผู้เป็นนาย" หรือ เจ้านาย

ตามบันทึกขอมโบราณ(เขมร) คำว่าลาวแปลว่าผู้นำ ส่วนคำว่า"สยาม"หรือ"เสียม"แปลตามภาษาขอมคือ"ขี้ข้า"

สมัยเมื่อหลายพันปีก่อนที่ขอมยังเป็นมหาอำนาจ ขอมเอาพวกเสียมมาเป็นทาส เป็นขี้ข้า ตั้งเมืองทาสชื่อเสียมราดให้อยู่ซึ่งเป็นเมืองของทาสโดยเฉพาะ

แยกออกไปจากเมืองอื่นๆจากชนชาวขอมโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น สยาม หรือ เสียม ในภาษาเขมรจึงแปลว่า ขี้ข้า





 แล้วทำไมขี้ข้า มันเอาเจ้านายมาเป็นขี้ข้า และทำไมมันเอาคนที่เรียกมันขี้ข้า เอามาเป็นขี้ข้าเช่นกัน บอกหน่อยท่านผู้รู้


 คนลาวไปเป็นแค่ลูกจ้างเงินเดือน ไม่ได้ไปเป็นขี้ข้าแบบทาส อีกอย่างคำว่าเสียม-สยาม คนเขมรจะเรียกพวกเสียมอีกอย่างว่าไอ้ทาส

ปัจจุบันDNAข้าข้า-ทาสยังอยู่ในสายเลือดคนไทยบางคนไม่น้อย ทั้งๆที่ร.5ของไทยท่านประกาศเลิกทาสแล้ว ยังมีไอ้ลูกหลานทาสบางคนยังเป็นไอ้ขี้ข้าไอ้ทาสที่ไม่ยอมไป

ยอมเป็นฝุ่นใต้ตีนอยู่ใต้ฝ่าตีนถึงขนาดบอกว่า"ขอเป็นใต้รองพระบาททุกชาติไป" และไอ้ลูกทาสไอ้ขี้ข้าพวกนี้ มันไม่มีวันที่จะโผล่หัวพ้นส้นตีนออกมาดูโลกภายนอก ว่าเค้าเจริญไปถึงไหนแล้ว

โดยเฉพาะวันที่26มกราคมนี้ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้าของประเทศไทย ดูเว้ปการเมืองไทยเว้ปไหนก็เจอแต่ไอ้พวกลูกทาสไอ้พวกขี้ข้าออกไปขัดขวางการเลือกตั้ง

โถ่เอ้ย ไอ้ขี้ข้า ไอ้ลูกทาส ถุย!



__________________
Anonymous

Date:

ขอให้คนลาวแสดงความคิดเห็น หรืออยากด่าอะไรประเทศไทย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง

ด่าได้เต็มที่เลยครับ ช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะสมที่จะทำให้คนไทยส่วนใหญ่ได้รับรู้ความรู้สึก นึกคิดที่แท้จริงของท่านต่อประเทศไทย

เข้าไปบอกความคิด ความรู้สึกได้ทุกช่องทางเว็บไซต์ เพจต่างๆ และ ช่อง7 ได้เลยครับ

เพื่อจะได้มีการปรับตัว แสดงออกต่อคนลาวได้เหมาะสมมากขึ้น

ด้วยความเคารพ

 



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

 

รายพระนามกษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงแสน

ยุคเมืองหิรัญนคร

  1. พญาลวจักราช (ลาวจก)
  2. พญาลาวเก๊าแก้วมาเมือง
  3. พญาลาวเส้า (ลาวเสา)
  4. พญาลาวตัง (ลาวพัง)
  5. พญาลาวกลม (ลาวหลวง)
  6. พญาลาวเหลว
  7. พญาลาวกับ
  8. พญาลาวคิม (ลาวกิน)

ยุคเมืองเงินยาง

  1. พญาลาวเคียง
  2. พญาลาวคิว
  3. พญาลาวเทิง (ลาวติง)
  4. พญาลาวทึง (ลาวเติง)
  5. พญาลาวคน
  6. พญาลาวสม
  7. พญาลาวกวก (ลาวพวก)
  8. พญาลาวกิว (ลาวกวิน)
  9. พญาลาวจง
  10. พญาจอมผาเรือง
  11. พญาลาวเจิง (ลาวเจื๋อง)
  12. พญาลาวเงินเรือง
  13. พญาลาวซิน (ลาวชื่น)
  14. พญาลาวมิง
  15. พญาลาวเมือง (ลาวเมิง)
  16. พญาลาวเมง (พระบิดาพญามังราย แห่งล้านนา)



 จากข้อมูลข้างบนจะเห็นได้ว่า กษัตริย์ก่อนที่จะมีอาณาจักรล้านนาจะมีคำนำหน้าว่า"ลาว" พระบิดาของพญาเมงรายก็คือพญาลาวเมง

คำว่า"ลาว"ในภาษาล้านนาโบราณจึงหมายความว่า"ผู้เป็นนาย" หรือ เจ้านาย

ตามบันทึกขอมโบราณ(เขมร) คำว่าลาวแปลว่าผู้นำ ส่วนคำว่า"สยาม"หรือ"เสียม"แปลตามภาษาขอมคือ"ขี้ข้า"

สมัยเมื่อหลายพันปีก่อนที่ขอมยังเป็นมหาอำนาจ ขอมเอาพวกเสียมมาเป็นทาส เป็นขี้ข้า ตั้งเมืองทาสชื่อเสียมราดให้อยู่ซึ่งเป็นเมืองของทาสโดยเฉพาะ

แยกออกไปจากเมืองอื่นๆจากชนชาวขอมโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น สยาม หรือ เสียม ในภาษาเขมรจึงแปลว่า ขี้ข้า


 Lao trolls claim that Poo Jao Lao Jok is Lao, So Lao is Lawa cuz Poo Jao Lao Jok is half Lawa. Why these Lao cannot handle the truth? icon_smile.gif

Do you know Karen people in Burma are Astroasiatic by blood, but now Karen language is in SIno-Tibertan language family. Same go to Lao people they are Astroasiatic people by blood but speak a Tai language.

Lao (Law) and Lawa is same word in Lao and Thai language. No Tai groups identify themselves as Lao but Tai. Tai and Thai is also same word. Thai is Tai to begin with and mixed with local native people. But Lao is Lawa people in the beginning, Lao (Law) or Lawa is native to the land of Laos today especially in Sao (Sawa) the old name of Luang Prabang, they were conquered by a group of Tai, that made them speak a dialect of Tai (which is Lao language today).

Becuz The conqueror spoke Tai, they tend to make foreign word to a mono syllable word to fit their natural pronunciation. So the native words... Lawa cognate to Law (pronounce Lao). The old name of Luang Prabang, Chawa (Java) cognate to Sawa and then to Sao (Lao language have no Ch/Sh sound, they merge ch/sh to S)

Austroasiatic > Tai
Lawa > Law > Lao
Sawa > Saw > Sao

 

Lawa has been living in Luang prabang for thousand of years. Luang Prabang or Sawa, the land of Lawa (Lao), the name of city, the name of people resemble all the truth.

Have you ever wonder why only your people who speak Tai-Kadai language call yourselves *LAO* not *TAI* like others. That because after a group of TAI speakers migrated to *Sawa*, modern day Laos at Luang Prabang, these land were already occupied by the indigenous people call themselves *LAWA*. Then they all assimilated and call themselves *LAWA*, for hundred of years, the word morph to *LAO*. It's same word, same root. Even today, literally, in Lao language, the word LAO written as *LAW*. It's just obviously same word. LAO = LAW = LAWA

Don't confuse with the Lawa, Wa ethnic groups in China, Burma, Thailand,etc. Those are pure Lawa, But the Lao today are not pure blood, Lao has Lawa, Tai blood to begin with, then mixed with Khmer and then Viet. It's in history books. That's why Lao people today are not PURE LAWA, not PURE TAI, etc. and you have your own looks, not same the pure Lawa in China. Got it? I hope this helps. beerchug.gif

Lao history step 1 says they are descended from a people called the Ailao. I have tracked down these people in Chinese records as being what the Chinese called the "Pu" people. In modern times these people are the "Wa" this would mean that the Laos are related to "Wa" people. "Wa" people are Austroasiatic aka Mon-Khmer. If this is true, how can Laos be Tai? it doesn't make sense. The only logical explanation is that Lao are Austroasiatics that practiced Tai culture. Lao people claim descent from Ailao people. Ailao people were not "Tai". You people are just as ethnically confused as the Khmers. Your histories don't make sense. I found Chinese documents that trace back a Ai Lao people. There was an interchangable/trasition name the Chinese used for the AiLao were the "Pu" people. The name Pu can then be traced to the modern name of the people as "Wa". Congratulations AiLao aren't even Tai at all. So much for fabricated history.

 
en.cnki.com.cn/Article_en/CJFDTOTAL-BSSZ201001003


__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
Anonymous wrote:
Anonymous wrote:

 

รายพระนามกษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงแสน

ยุคเมืองหิรัญนคร

  1. พญาลวจักราช (ลาวจก)
  2. พญาลาวเก๊าแก้วมาเมือง
  3. พญาลาวเส้า (ลาวเสา)
  4. พญาลาวตัง (ลาวพัง)
  5. พญาลาวกลม (ลาวหลวง)
  6. พญาลาวเหลว
  7. พญาลาวกับ
  8. พญาลาวคิม (ลาวกิน)

ยุคเมืองเงินยาง

  1. พญาลาวเคียง
  2. พญาลาวคิว
  3. พญาลาวเทิง (ลาวติง)
  4. พญาลาวทึง (ลาวเติง)
  5. พญาลาวคน
  6. พญาลาวสม
  7. พญาลาวกวก (ลาวพวก)
  8. พญาลาวกิว (ลาวกวิน)
  9. พญาลาวจง
  10. พญาจอมผาเรือง
  11. พญาลาวเจิง (ลาวเจื๋อง)
  12. พญาลาวเงินเรือง
  13. พญาลาวซิน (ลาวชื่น)
  14. พญาลาวมิง
  15. พญาลาวเมือง (ลาวเมิง)
  16. พญาลาวเมง (พระบิดาพญามังราย แห่งล้านนา)



 จากข้อมูลข้างบนจะเห็นได้ว่า กษัตริย์ก่อนที่จะมีอาณาจักรล้านนาจะมีคำนำหน้าว่า"ลาว" พระบิดาของพญาเมงรายก็คือพญาลาวเมง

คำว่า"ลาว"ในภาษาล้านนาโบราณจึงหมายความว่า"ผู้เป็นนาย" หรือ เจ้านาย

ตามบันทึกขอมโบราณ(เขมร) คำว่าลาวแปลว่าผู้นำ ส่วนคำว่า"สยาม"หรือ"เสียม"แปลตามภาษาขอมคือ"ขี้ข้า"

สมัยเมื่อหลายพันปีก่อนที่ขอมยังเป็นมหาอำนาจ ขอมเอาพวกเสียมมาเป็นทาส เป็นขี้ข้า ตั้งเมืองทาสชื่อเสียมราดให้อยู่ซึ่งเป็นเมืองของทาสโดยเฉพาะ

แยกออกไปจากเมืองอื่นๆจากชนชาวขอมโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น สยาม หรือ เสียม ในภาษาเขมรจึงแปลว่า ขี้ข้า


 Lao trolls claim that Poo Jao Lao Jok is Lao, So Lao is Lawa cuz Poo Jao Lao Jok is half Lawa. Why these Lao cannot handle the truth? icon_smile.gif

Do you know Karen people in Burma are Astroasiatic by blood, but now Karen language is in SIno-Tibertan language family. Same go to Lao people they are Astroasiatic people by blood but speak a Tai language.

Lao (Law) and Lawa is same word in Lao and Thai language. No Tai groups identify themselves as Lao but Tai. Tai and Thai is also same word. Thai is Tai to begin with and mixed with local native people. But Lao is Lawa people in the beginning, Lao (Law) or Lawa is native to the land of Laos today especially in Sao (Sawa) the old name of Luang Prabang, they were conquered by a group of Tai, that made them speak a dialect of Tai (which is Lao language today).

Becuz The conqueror spoke Tai, they tend to make foreign word to a mono syllable word to fit their natural pronunciation. So the native words... Lawa cognate to Law (pronounce Lao). The old name of Luang Prabang, Chawa (Java) cognate to Sawa and then to Sao (Lao language have no Ch/Sh sound, they merge ch/sh to S)

Austroasiatic > Tai
Lawa > Law > Lao
Sawa > Saw > Sao

 

Lawa has been living in Luang prabang for thousand of years. Luang Prabang or Sawa, the land of Lawa (Lao), the name of city, the name of people resemble all the truth.

Have you ever wonder why only your people who speak Tai-Kadai language call yourselves *LAO* not *TAI* like others. That because after a group of TAI speakers migrated to *Sawa*, modern day Laos at Luang Prabang, these land were already occupied by the indigenous people call themselves *LAWA*. Then they all assimilated and call themselves *LAWA*, for hundred of years, the word morph to *LAO*. It's same word, same root. Even today, literally, in Lao language, the word LAO written as *LAW*. It's just obviously same word. LAO = LAW = LAWA

Don't confuse with the Lawa, Wa ethnic groups in China, Burma, Thailand,etc. Those are pure Lawa, But the Lao today are not pure blood, Lao has Lawa, Tai blood to begin with, then mixed with Khmer and then Viet. It's in history books. That's why Lao people today are not PURE LAWA, not PURE TAI, etc. and you have your own looks, not same the pure Lawa in China. Got it? I hope this helps. beerchug.gif

Lao history step 1 says they are descended from a people called the Ailao. I have tracked down these people in Chinese records as being what the Chinese called the "Pu" people. In modern times these people are the "Wa" this would mean that the Laos are related to "Wa" people. "Wa" people are Austroasiatic aka Mon-Khmer. If this is true, how can Laos be Tai? it doesn't make sense. The only logical explanation is that Lao are Austroasiatics that practiced Tai culture. Lao people claim descent from Ailao people. Ailao people were not "Tai". You people are just as ethnically confused as the Khmers. Your histories don't make sense. I found Chinese documents that trace back a Ai Lao people. There was an interchangable/trasition name the Chinese used for the AiLao were the "Pu" people. The name Pu can then be traced to the modern name of the people as "Wa". Congratulations AiLao aren't even Tai at all. So much for fabricated history.

 
en.cnki.com.cn/Article_en/CJFDTOTAL-BSSZ201001003

Oh Dear. It sounds like you are so desperate to reply to the person who wrote in Thai above and you yourself are now trying to be the troll. What the point about Austroasiatic thing? We are now all mixed with other people now. The world knows that Thailand is a new name for Siam. Current Thailand is a mix of at least 30% of Lao ethnic, 15% of Chinese Ethnic, plus Mon-Khmer, Malay and others. Similarly, Laos currently has more than 40 ethnic groups. And so what???????



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

ຂ້ອຍຄົນໄທຫັດພິມອັກສອນລາວໃຫ້ຄົນລາວອ່ານເດີ້ ແລະກໍ

ມີສັບໃໝ່ຂອງລາວມາຖາມເຊັ່ນ:

- ຜູ້ຖືກຫາ ແປວ່າຫຍັງ? ຂ້ອຍອ່ານຂ່າວໝັງສືພິມລາວຂຽນ

ວ່າ ທ້າວບຸນມາ ຜູ້ຖືກຫາໃນຄະດີປຸ້ນສັບໄດ້ແຂວນຄໍຕາຍ....

ຂ້ອຍຖາມຄົນລາວຫລາຍຄົນພວກເຂົາອະທິບາຍໃຫ້ຂ້ອຍຟັງ

ແຕ່ວ່າແຕ່ລະຄົນເວົ້າບໍ່ຄືກັນດັ່ງນີ້:

- ຜູ້ຖືກຫາ = ແມ່ນຜູ້ທີ່ເຮົາຫາຫຼືວານໄປຊ່ອຍວຽກອັນໃດອັນໜຶ່ງ.

              = ແມ່ນຜູ້ຖືກຫາວ່າເປັນຜູ້ເຮັດຜິດກົດໝາຍ.

              = ແມ່ນຜູ້ຖືກກ່າວຫາທຳຄວາມຜິດ.

              = ແມ່ນຜູ້ຖືກຂໍ້ຫາ

              = ແມ່ນຜູ້ຕ້ອງຫາ

              = ແມ່ນຜູ້ເປັນນັກໂທດ....ອັນນີ້ແຮງໄປກັນໃຫຍ່!

ຂ້ອຍລະງົງເພາະບໍ່ເປັນເອກະພາບກັນເລີຍອັນສັບໃໝ່ພາສາລ້ານເຈົ້ານັ້ນ.


 ເຈົ້າຕ້ອງຮູ້ວ່າ ຜູ້ຖືກຫາ ນີ້ແມ່ນໃຊ້ກັບຫຍັງ

ແຕ່ໃນກໍລະນີນີ້ ແມ່ນໃຊ້ກັບຄຳວ່າ ໃນຄະດີ  ແລະຄຳຕໍ່ໄປກໍ່ບົ່ງບອກຄວາມໝາຍແລ້ວ

ຖ້າເຈົ້າຢາກຮູ້ຂ້ອຍກໍ່ຊິອະທິບາຍໃຫ້ຟັງ

ຜູ້ຖືກຫາ ໃນໃຈຄວາມນີ້ແມ່ນ : ຜູ້ຖືກຫາວ່າເປັນຜູ້ເຮັດຜິດ, ຫລືຜູ້ຖືກຂໍ້ຫາ ອັນໃດອັນໜຶ່ງ



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

1390488344-1390473131-o.jpg


 

ผู้บริหารช่อง7ไทย กับ บักสุเทพ มันมีเมียคนเดียวกัน เลยมีอิหยังบางอย่างที่เกื้อหนุนกันทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการเมือง



__________________
«First  <  1 2 | Page of 2  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard