สธ.เล็งขายประกันสุขภาพให้แรงงานต่างด้าว
สธ.ยกระดับบริการกลุ่มแม่และเด็ก เล็งขายบัตรประกันสุขภาพให้แม่และเด็กต่างด้าว ในอัตรา 2,300 บาทต่อคนต่อปี
ส่วนเด็กซื้อในอัตรา 365 บาทต่อคนต่อปี โดยจะสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ และรับวัคซีนที่จำเป็น พร้อมสร้างระบบสาธารณสุข
ตามแนวชายแดนร่วมกับนานาชาติ...
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2556 นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังบรรยายพิเศษเรื่อง
สุขภาวะของเด็กไทย ในอนาคต : มุมมองเชิงนโยบาย ในงานประชุมวิชาการของโรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า นายกรัฐมนตรีและ
รัฐบาลมีนโยบายให้การดูแลสุขภาพประชาชนตามกลุ่มรายอายุ 4 กลุ่ม ได้แก่ 0-5 ปี อายุ 6-20 ปี อายุ 21-60 ปี และ60 ปีขึ้นไป
เช่นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ตั้งเป้าพัฒนาให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีพัฒนาการสมวัย กลุ่มอายุ 21-60 ปี เน้นการคงการมีสุขภาพดี
ส่วนอายุ 60 ปี ดูแลสุขภาพก่อนถึงวาระสุดท้ายชีวิต โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเน้นใช้ 3 กลยุทธ์ ได้แก่ การเข้าถึงบริการ คุณภาพบริการ
และการบูรณาการดูแลร่วมกับหน่วยงานอื่นรมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ปัญหาที่พบ ขณะนี้ คือ การเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและแม่ พบว่าแม่ฝากครรภ์ช้า ทำให้เด็กในครรภ์ขาดโอกาสการพัฒนา สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดมาจากความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจการใช้สิทธิ์ไม่ถูกต้อง ทาง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจึงมีนโยบายให้หญิงตั้งครรภ์ สามารถฝากท้องได้ทุกที่ ฟรีทุกสิทธิ โดยขณะนี้ได้พัฒนา
ระบบไอทีที่ใช้เชื่อมโยงกันได้ทุกแห่ง และพัฒนาศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค รองรับการดูแลเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ร่วม กับกระทรวงอื่นๆ
นอกจากนี้ในกลุ่มของหญิงต่างด้าวที่ตั้งครรภ์และเข้ามาทำงาน หรือ ติดตามสามี เข้ามา ให้เข้าถึงบริการตามหลักมนุษยธรรม
โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ซื้อบัตรประกันสุขภาพราคา 2,300 บาท ใกล้เคียงกับคนไทย ได้รับสิทธิ เช่น ยาต้านไวรัสเอดส์
การป้องกันเอชไอวีจากแม่ไปสู่ลูก เฉลี่ยวันละ 6-7 บาทต่อคนต่อปี ส่วนลูกหลังคลอดจะต้องซื้อบัตรประกันสุขภาพในอัตรา 365 บาท
ต่อคนต่อปี เฉลี่ยวันละ 1 บาท ซึ่งไม่น่าจะเป็นภาระมากในการเข้าถึงบริการนายแพทย์ประดิษฐ กล่าวถึงเรื่องคุณภาพบริการว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับเกณฑ์มาตรฐานระบบการฝากครรภ์ มีการจัดทำตัวชี้วัดทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ เช่น ต้องฝากครรภ์อย่างน้อย 5ครั้ง ให้วัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนที่จำเป็นต้องได้ทุกคนทั้งคนไทยและต่างด้าว เช่นหากมี 10 ล้านคน ก็ต้องฉีดให้ได้ 10 ล้านคน เพื่อผลในการป้องกันโรคติดต่อในอนาคต รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดระบบการดูแลต่างด้าว โดยเฉพาะตามแนวชายแดน เช่น ที่ อ.แม่ระมาด จ.ตาก มีประชากรไทย 50,000 แต่มีประชากรแฝงเป็นพม่าอีก 100,000 คน คิวตรวจพม่ามากกว่าคนไทย กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนาระบบการสาธารณสุขแนวชายแดนร่วมกับองค์กร นานาชาติ และประเทศเพื่อนบ้าน มีขั้นตอนการพัฒนา 3 ขั้น ขั้นแรกคือ
การสร้างระบบบริการสุขภาพและพัฒนาบุคลากร โดยรับบุคลากรสาธารณสุขจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้าทำงานในโรงพยาบาลแนวชายแดน
ไทย โดยได้รับใบอนุญาตชั่วคราว และมีสิทธิ์รับการพัฒนาศักยภาพต่อในไทยนายแพทย์ประดิษฐ กล่าวด้วยว่า ส่วนขั้นที่ 2 สนับสนุน
โครงสร้างพื้นฐาน โดยสร้างหน่วยบริการปฐมภูมิในประเทศเพื่อนบ้านตลอดแนวชายแดนไทย ระบบส่งต่อในชุมชน
และโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ หน่วยบริการปฐมภูมิรับผิดชอบดูแล ทั้งการควบคุมโรค เอชไอวี เอดส์ วัณโรค มาลาเรีย
และการดูแลรักษาขั้นพื้นฐาน และขั้นที่ 3 ระบุสิทธิประโยชน์หลักและพัฒนารูปแบบระบบการเงินด้านสุขภาพ
เพื่อเริ่มต้นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยไทยพร้อมจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังด้านสุขภาพร่วมทำงานกับ
ประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรนานาชาติเพื่อให้ได้รูปแบบหลักประกันสุขภาพที่เหมาะสม.
สรุป
บัตรประกันสุขภาพราคา 2,300 บาท ได้รับสิทธิ เช่น ยาต้านไวรัสเอดส์ การป้องกันเอชไอวีจากแม่ไปสู่ลูก เฉลี่ยวันละ 6-7 บาทต่อคนต่อปี
และสิทธิ์อื่นที่จะตามมาในอนาคต
ลูกหลังคลอดจะต้องซื้อบัตรประกันสุขภาพในอัตรา 365 บาท ต่อคนต่อปี เฉลี่ยวันละ 1 บาท