Pasalao

ลาวเล็งระดมทุนในไทยอีกรอบ3พันล้าน โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ สมาคมตราสารหนี้ไทยเผยรัฐบาลลาวมีแผนออกพันธบัตรในไทยรอบ 2 มูลค่า 3 พันล้านบาทปีนี้ ระดมทุนวางโครงสร้างพื้นฐาน นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ มีโอกาสที่รัฐบาลลาวจะออกพันธบัตรในตลาดตราสารหนี้ไทยรอบ 2 มูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท หลังจากประสบความสำเร็จในการออกรอบแรกไปแล้ว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งมีนักลงทุนมีความต้องการซื้อพันธบัตรมากกว่าจำนวนที่เสนอขายถึง 2 เท่า "จากการพูดคุยกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลลาว ทำให้ทราบว่าทางรัฐบาลลาวมีแผนจะออกพันธบัตรมาเสนอขายในตลาดทุนไทยอีก 3 พันล้านบาท เพราะว่ารัฐบาลลาวยังมีความต้องการระดมทุน สำหรับการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ เป็นต้น" เขากล่าวว่า นักลงทุนที่ซื้อพันธบัตรของรัฐบาลลาว ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบัน ซึ่งแม้ว่าพันธบัตรดังกล่าวจะไม่มีการทำเครดิตเรทติ้ง แต่อัตราดอกเบี้ยที่เสนอขาย เทียบเท่ากับพันธบัตรที่ได้อันดับเครดิตเรทติ้งในระดับ BBB ซึ่งเป็นระดับที่ลงทุนได้ นายนิวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากการออกพันธบัตรของรัฐบาลลาวประสบความสำเร็จ จึงมีแผนที่จะเชิญชวนรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ทั้ง กัมพูชาและพม่า มาระดมทุนในไทยด้วย เพราะว่าประเทศเหล่านี้มีความต้องการใช้เงินในการลงทุนพัฒนาประเทศ แต่ยังไม่มีตลาดตราสารหนี้ในประเทศ เหมือนกับไทยเมื่อก่อนที่ระดมทุนครั้งแรกก็ไประดมทุนในตลาดต่างประเทศ สำหรับภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยในอนาคตมีแนวโน้มปรับขึ้น ทำให้ทั้งปีมีความเป็นไปได้ที่การออกหุ้นกู้ภาคเอกชน จะสูงถึง 3.5-4 แสนล้านบาท ขณะที่การออกพันธบัตรรัฐบาลปีนี้ น่าจะอยู่ระดับ 6-7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการออกทดแทนชุดเดิมที่ครบอายุ เป็นการออกชุดใหม่ประมาณ 3 แสนล้านบาท บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 21 ส.ค. นี้ น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ท่ามกลางสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของประเทศที่พัฒนาแล้วขนาดใหญ่ ที่น่าจะช่วยส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และการค้าระหว่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งช่วยลดผลกระทบของการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนลงบางส่วน ขณะที่ ทางเลือกในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด จากสถานะหนี้ภาคครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจในระยะยาวได้ ทั้งนี้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน ค่อนข้างเหมาะสมต่อการดูแลเสถียรภาพ และเพียงพอในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา (13-15 ส.ค. 2556) นักลงทุนต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคอีกครั้งหนึ่งราว 190 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการซื้อสลับขายในแต่ละประเทศ ส่วนตลาดหุ้นไทยต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิประมาณ 1.4 พันล้านบาท หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองผ่อนคลายในระยะสั้น ขณะที่ นักลงทุนสถาบันกลับมาขายสุทธิอีกครั้งหนึ่งจำนวน 1 พันล้านบาท หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกันรวม 9 พันล้านบาท เชื่อว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะยังคงเป็นผู้ขายสุทธิต่อไป เนื่องจากยอดซื้อสะสมตั้งแต่ต้นปี ที่ยังสูงถึง 6.6 หมื่นล้านบาท