Pasalao

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ປັນຫາຊາວໂຣຮິງຍາໃນໄທ
Anonymous

Date:
ປັນຫາຊາວໂຣຮິງຍາໃນໄທ


เงื่อนตาย-โรฮิงญา

เงื่อนตาย-โรฮิงญา : คลุกวงใน โดยเสถียร วิริยะพรรณพงศา

 

                ไม่ง่ายซะแล้วสำหรับการแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงญา ที่ทะลักขึ้นมาอยู่ฝั่งไทยกว่า 1,000 คน รัฐบาลไทยประกาศชัดเจนว่า ไม่รับรองสถานะเป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้แสวงหาที่พักพิง แต่ประทับตราเป็น “ผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย” หรือที่สภาความมั่นคงแห่งชาติเรียกหรูๆ ว่า “แรงงานทางเศรษฐกิจรอส่งประเทศที่สาม”

                แต่แปลไทยเป็นไทยชัดๆ ก็คือไม่รับรองให้อยู่บนแผ่นดินไทย แต่จะให้อยู่ชั่วคราวเพียงแค่ 6 เดือน แล้วหลังจากนั้นจะผลักดันออกไปประเทศอื่นๆ

                คำถามสำคัญคือถ้าหมด 6 เดือนแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ?

                ดาบหอกที่จ่อคอหอยสองอันเราจะทำอย่างไร ด้านหนึ่งคือหอกมนุษยธรรมที่ทั่วโลกจับตาอยู่ หอกอีกอันหนึ่งคือภาระของประเทศ ค่าใช้จ่ายต้นทุนต่างๆ ที่ต้องแลกกับภารกิจนี้ ไทยจะออกทางไหนให้ปลอดภัยที่สุด

                เดินพลาดนิดเดียวอาจจะโดนหอกอันใดอันหนึ่งทิ่มตัวตาย

                ยิ่งรัฐบาลประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่สร้างศูนย์พักพิงให้แบบที่ทำให้แก่ชนกลุ่มน้อยในพม่า 9 ศูนย์ 4 จังหวัดตามตะเข็บชายแดนไทย ทำให้หนทางยิ่งแคบลงไปอีก

                เวลาก็เหลือน้อยลง ไม่ต่างกับระเบิดเวลา !

                ครั้นจะผลักไสไล่ส่งให้พ้นแผ่นดินไทย โดยไม่สนใจว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็จะถูกตราหน้าว่าใจดำอำมหิตผิดมนุษย์มนา เขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น กลับไม่สนใจดูดำดูดี

                ครั้นจะอุ้มชูไว้จนกว่าจะมีประเทศที่สามมารับตัวไป ก็ดูจะไร้ความหวัง เพราะจากประสบการณ์ที่เรารับชนกลุ่มน้อยในพม่ามาอยู่ในศูนย์พักพิงทั้ง 9 จุดกว่า 1 แสน คนป่านนี้ผ่านไป 20 ปีแล้วยังไม่เห็นมีประเทศที่สามที่ไหนมาช่วยแบกต่อเลย

                ข้อมูลชุดนี้หน่วยความมั่นคงซาบซึ้งดีแก่ใจ เจ้าหน้าที่บางคนเล่าให้ผมฟังว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าจะไม่มีประเทศที่สามมารับตัวไปเสียทีเดียว แต่เขาคัดเอาแต่เฉพาะระดับครีม หรือพวกหัวกะทิ มีความสามารถไป

                ส่วนอีกเป็นแสนคนยังอยู่ที่เดิม รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทยก็ต้องควักเอาเงินของรัฐมาอุดหนุน บทเรียนนี้ทำให้หน่วยความมั่นคงยืนกรานเสียงแข็งไม่รับโรฮิงญาเข้ามาเพิ่มเป็นอันขาด

                ทางสองแพร่งที่มีหอกสองอันรอแทงคอหอยอยู่แบบนี้ จะหารันเวย์สวยๆ ร่อนลงอย่างไร  รอดูฝีมือของรัฐบาลก็แล้วกัน



__________________
Anonymous

Date:

เปิดชีวิต ชาวโรฮิงญา ... อยู่รัฐอาระกัน ก็เหมือนรอคอยความตาย

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3 

          เจ้าหน้าที่พบตัวชาวโรฮิงญาที่อพยพเข้ามาทางจังหวัดสตูลเพิ่มอีก 4 คน ที่ถูกช่วยเหลือไว้ในหมู่บ้านมุสลิม หลังจากที่พลัดหลงอยู่ในป่าบริเวณเทือกเขาแก้ว เขตรอยต่อจังหวัดสงขลา-สตูล  ชี้ ยังมีชาวโรฮิงญาอีกนับ 200 ชีวิตที่ยังคงพลัดหลงอยู่ในป่า
 
          สืบเนื่องจากความคืบหน้าคดีมุสลิมโรฮิงญา 3 กลุ่ม ที่ได้รับการช่วยเหลือระหว่างถูกนำมาพักพิงไว้ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อรอการผลักดันกลับสู่ประเทศพม่า หลังจากการลักลอบนำพาเข้ามาและให้ที่พักพิงโดย นายประสิทธิ์ หรือ เบต เหล็มเหล๊ะ อดีตรองนายกเทศมนตรี เมืองปาดังเบซาร์ และนายจามานาดิน สัญชาติพม่า ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่อยู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2556  เจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าของปอเนาะเราฎอตุ้ลอูลูม ซึ่งอยู่บ้านม่วงค่าย ตำบลฉลุง ว่าพบชาวโรฮิงญาอีก 4 คนในสภาพอิดโรย จากการพลัดหลงอยู่ในป่าบริเวณเทือกเขาแก้ว เขตรอยต่อจังหวัดสงขลา-สตูล โดยเบื้องต้นเจ้าของปอเนาะเราฎอตุ้ลอูลูม ได้ให้การช่วยเหลือโดยนำอาหาร เสื้อผ้า และที่พักชั่วคราวให้แก่คนเหล่านั้นแล้ว
 
          หลังจากที่เจ้าหน้าที่เดินทางไปรับชาวโรฮิงญาเหล่านั้นมา ก็ได้สอบถาม นายมูฮัมหมัด อาลอ อายุ 26 ปี ซึ่งสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และได้ความว่า เขากับเพื่อน ๆ ชาย หญิง และเด็ก อีกนับ 200 ชีวิต ได้ลงเรือเดินทางมาจากพม่า และได้มาขึ้นฝั่งที่จังหวัดสตูล เพราะต้องการจะเดินทางได้หาญาติที่มาเลเซีย จากนั้นได้แยกย้ายกันเดินตามป่าเขาเป็นเวลา 7 วัน โดยอาศัยเพียงผลไม้และน้ำประทังชีวิต ขณะที่กำลังหลงทางก็ได้ยินเสียง เสียงอาซานเชิญชวนละหมาด จึงได้เดินตามเสียงมาจนพบกับหมู่บ้านชาวมุสลิม ด้านคนอื่น ๆ ตอนนี้ก็กระจายกันพลัดหลงอยู่ในป่า 
 
          ส่วนที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา วันนี้ครูและนักเรียน รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ก็ยังคงนำข้าวกล่อง น้ำดื่ม และเสื้อผ้า มามอบให้แก่ชาวโรฮิงญาที่ถูกควบคุมตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอสะเดา และในช่วงบ่ายวันนี้ มีรายงานว่า ผู้ที่ถูกออกหมายจับ 1 ใน 3 คน จะเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์
 
          ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดระนอง ระบุว่าจากสถิติชาวโรฮิงญาลักลอบเข้าประเทศไทย ที่จับกุมได้ตั้งแต่ปี 2549 - 2554 พบว่ามีจำนวนหลักพันคนขึ้นไปในแต่ละปี มีเพียงปี 2552 ที่มีเพียง 93 คน ซึ่งยังไม่นับรวมชาวโรฮิงญาที่เล็ดลอดการจับกุมไปได้ และข้อมูลจากจังหวัดอื่น 
 
          โดยแหล่งข่าวชาวโรฮิงญา เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เป็นที่สังเกตว่าในช่วงนี้สถานการณ์กลุ่มโรฮิงญาอพยพออกจากพม่ามากขึ้น เพราะในอีก 2 ปี จะมีการเลือกตั้งใหม่ทำให้พม่ามีประชาธิปไตยเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังออกมาไม่ถึงครึ่ง ซึ่งปัญหาเกิดจากพม่าไม่ยอมรับชาวโรฮิงญาเป็นพลเมือง จึงถูกกดดันจากทหารพม่าให้อยู่ในประเทศอย่างยากลำบาก พวกเขาจึงอยากให้สหประชาชาติ เข้ามาดูแลความปลอดภัยให้อยู่ร่วมกันในพม่าได้โดยไม่ต้องหนีออกนอกประเทศ


          สำหรับ ชาวโรฮิงญา นั้น พวกเขาเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศพม่า ที่ส่วนมากสืบเชื้อสายมาจากชาวอาหรับ เปอร์เซีย และปาทาน มีถิ่นอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ หรือที่สมัยโบราณเรียกว่ารัฐอาระกัน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของพม่า ชาวโรฮิงญาในพม่านั้นถือเป็นชนกลุ่มน้อย ที่เรียกได้ว่าถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐบาลพม่ามากที่สุด แม้ว่าชาวโรฮิงญาเหล่านี้จะเกิดบนผืนแผ่นดินพม่า แต่พวกเขากลับถูกรัฐบาลพม่าปฏิเสธที่จะให้สัญชาติพม่า และถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากเหล่าทหาร พวกเขาถึงกับกล่าวว่าสิ่งที่ทหารพม่าได้กระทำกับพวกเขานั้นช่างราวกับพวกเขาไม่ใช่คน 
 
          จากคำบอกเล่าของกลุ่มชาวโรฮิงญา ผู้ที่ถูกจับกุมได้ในประเทศไทย พวกเขาได้เผยความรู้สึกถึงประสบการณ์ในอดีตว่า นับตั้งแต่ที่ชาวโรฮิงญาถูกปกครองโดยรัฐบาลของพม่า พวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยเพียงกลุ่มเดียวที่ไม่เคยต่อสู้หรือเรียกร้องอะไรจากรัฐบาลหรือประเทศ แน่นอนว่าพวกเขาภูมิใจที่ได้เกิดที่รัฐอาระกัน มีความรักและความผูกพันต่อแผ่นดินเกิด แต่แผ่นดินที่พวกเขาเกิดกลับไม่ต้อนรับพวกเขาเลย สิ่งที่พวกเขาต้องการมีเพียง “สิทธิความเป็นคน” เท่าที่ประชาชนชาวพม่าคนหนึ่งจะพึงมีเพียงเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็ไม่เคยได้รับมัน กลับกันรัฐบาลพม่ากลับทำราวกับพวกเขาไม่มีตัวตนในประเทศ และรังเกียจพวกเขาเป็นที่สุด

          นอกจากกลุ่มทหาร พวกเขายังถูกชาวพม่าดูถูกเหยียดหยามและทำร้ายร่างกาย ไม่สามารถสมัครงานที่ไหนได้ พวกเขาไม่มีสิทธิในด้านที่ดิน การศึกษา หรือสถานพยาบาลใด ๆ ในพม่า ทั้งยังถูกกีดกันทางด้านการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางข้ามเขตที่ไม่สามารถกระทำได้เลย แถมพืชพันธุ์ในหมู่บ้านก็ถูกทหารเข้ามาแย่งเก็บเกี่ยว หากใครขายของได้เงินก็จะถูกทหารเข้ามาแย่งยึดไป ทำให้พวกเขาต้องอยู่อย่างอดอยาก ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินครบ 3 มื้อ บางครั้งพวกผู้ชายก็ต้องยอมอดข้าวเพื่อให้ลูกเมียได้กิน 

 

ชาวมุสลิมโรฮิงญา

 
          ชาวมุสลิมโรฮิงญา กลุ่มนี้ยังเผยความรู้สึกอีกว่า ทุกคนรักบ้านเกิด ไม่มีใครที่ต้องการดิ้นรน หรือดั้นด้นเดินทางออกจากบ้านเกิด มีแต่ทุกคนดิ้นรนเพื่อที่จะอาศัยอยู่ในบ้านเกิดหรือถิ่นฐานที่ตนถือกำเนิด แต่จากความโหดร้ายที่พวกเราได้รับ มันสุดที่จะบรรยายให้เห็นหรือให้รับรู้ได้ หากไม่เจอด้วยตนเองยากที่จะบรรยายจริง ๆ  

          และจากสภาพที่แร้นแค้น ไร้อนาคตจนถึงขีดสุด ทำให้คนเหล่านี้ตัดสินใจที่จะหาความหวังของชีวิต ละทิ้งแผ่นดินเกิดอพยพหนีไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ท่ามกลางการตามล่าของทหารพม่า ซึ่งหากพวกเขาถูกจับได้ก็จะถูกทำการทรมานอย่างหนักจนอาจถึงแก่ชีวิต จนถึงตอนนี้ มีชาวโรฮิงญาจำนวนมากที่ขึ้นเรืออพยพเข้ามายังประเทศไทย โดยเฉพาะทางฝั่งจังหวัดสตูล และระนอง เพื่อจะข้ามไปยังประเทศที่ 3 แต่เป็นที่น่าเศร้าใจ  หลังจากที่พวกเขาหนีการจับกุมและการทรมานของเหล่าทหารพม่ามาได้ แต่กลับต้องตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์ซ้ำอีก จนถึงขณะนี้ แม้ว่าพวกชาวโรฮิงญาผู้อพยพมาจะถูกกักขังอยู่ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ห้องคุมขังก็ไม่ต่างจากโรงแรมชั้น 1 ซึ่งพวกเขาจะได้มีอาหารครบ 3 มื้อ และได้รับน้ำใจจากประชาชนชาวไทย พวกเขาล้วนคิดว่าคนไทยนั้นช่างโชคดี ที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยความสุขนี้ ซึ่งต่างจากแผ่นดินที่เปี่ยมไปด้วยความทุกข์ของพวกเขา
 
          สำหรับในตอนนี้ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังผลักดันเพื่อส่งตัวกลุ่มชาวโรฮิงญากลับพม่านี้ เจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามค้นหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาของพวกเขา และพยายามประสานกับองค์กรระหว่างประเทศให้เข้ามาช่วยเหลือชาวมุสลิมโรฮิงญาและร่วมหาทางออกร่วมกัน เพราะต่างก็ทราบดีว่า การที่ส่งตัวพวกเขากลับไปยังประเทศพม่านั้น ก็ไม่ต่างจากส่งพวกเขากลับไปยังนรกขุมเดิม พร้อมกับบอกว่า หากให้พวกเขากลับไปอยู่ที่รัฐอาระกัน ก็เหมือนกับไปรอคอยความตาย อยู่ไปก็อยู่อย่างไร้อนาคต ไม่มีสภาพความเป็นคน ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหน เดินทางไปมาได้ก็เฉพาะภายในจังหวัดที่ตั้งถิ่นฐานอยู่เท่านั้น โดนกดดันจากทหารพม่าตลอดเวลา นอกจากนี้พวกเขายังโดนดูถูกเหยียดหยามจากชาวพม่า ที่ผ่านมาโดนทั้งทำร้ายร่างกาย รวมถึงถ่มน้ำลายใส่ก็มี

         และนี่คือชีวิตบางส่วนของ ชาวโรฮิงญา ที่วันนี้ของพวกเขาล้วนเผชิญกับโชคชะตาที่มากกว่าคำว่า..โหดร้าย นอกจากจะโดนรังแกจากทหารพม่าแล้ว ยังถูกดูหมิ่นจากคนร่วมชาติจากชาวพม่าด้วยกันเอง  



__________________
Anonymous

Date:

ເປັນຕາອີ່ດູຕົນຊາດ, ນໍ້ເຢັນປາຂ້ອນ ນໍ້າຮ້ອນປາພ່າຍ. ຍ້ອນຊາວໂຣຮິງຢາບໍ່ມີເງິນຈ້າງເຂົ້າຕໍມໍຫວາ

ເຂົາຈຶ່ງຕ້ອງຖືກຜັກດັນກັບປະເທດມຽນມາ?



__________________
Anonymous

Date:

ປະເທດລາວກາຮັບເອົາໄປລຽ້ງເບີ່ງແໜ່ກວາ



__________________
Anonymous

Date:



__________________
Anonymous

Date:

ຢາມາຫາເຫົາໃສ່ຫົວ ຂະໜາດປະເທດໄທ ທີ່ມີເສດຖະກິດເຂັ້ມແຂງ ລັດຖະບານມີເງີນ ຍັງບໍ່ຢາກຮັບເລີຍ ອີງຢ່າງ ຄວາມແຕກຕ່າງ ທາງດ້ານວັດທະນະທຳ ແລະ ສາດາະໜາ ເປັນບັນຫາ ສຳລັບປະເທດ ໃຫ້ທີ່ພັກເຊົາ. 

ໃຈດຳເພື່ອປ້ອງກັນຄວາມສະຫງົບຂອງສັງຄົມ



__________________
Anonymous

Date:

ແຕ່ກ່ອນພວກນີ້ເຄີຍຕີເສິກຊ່ວຍອັງກິດສູ້ກັບພະມ້າ ມາບັດນີ້ພະມ້າຄິດບັນຊີແຄ້ນເລີຍບໍ່ຮັບຮູ້ພວກນີ້ ອັງກິດເອງກໍລອຍແພພວກນີ້

ສຸດທ້າຍເລີຍເປັນແບບນີ້



__________________
Anonymous

Date:

เอาไปไกลๆโลดพวกนิ

ประเทศไทยอย่าสิหน้าบางหลาย

พม่า กะบ่อยากรับ

บังคลาเทศ กะบ่รับ

มาเล กะบ่รับ

อินโด กะบ่รับ 

แล้วประเทศไทยเป็นไผ 

มุสลิมนำกัน เขายังบ่อยากให้ไปอยู่ประเทศเขาเลย

ฟ่าวๆไล่มันหนี 

อยาสิมาตั้งศูนย์อพยพเด้อ 

จาก พัน มันสิกลายเป็น แสน 

ประเทศหน้าบาง 



__________________
Anonymous

Date:

ບັນຫາຍ້ອນສາສະນາແທ້ໆ ໃນປະຫວັດສາດຂອງອິດສະລາມການເຮັດສົງຄາມຄືການເຜີຍແຜສາສະນາ ເມືອກ່ອນປະເທດອິນໂດມາເລລ້ວນແຕ່ນັບຖືພຸດພາຍຫຼັງອິດສະລາມເຂົ້າມາຖືກບັງຄັບໃຫ້ປ່ຽນສາສນາກັບຕາຍເລື່ອເອົາ ຢູ່ອິນເດຍ ມະຫາວິທະຍາໄລນາລັນທາ ເຊິງເປັນມະຫາວິທະຍາໄລທີ່ມີສື່ສຽງທີ່ສຸດສ້າງຕັ້ງມາແຕ່ສະໄໝພະເຈົ້າອະໂສກະມະຫາລາດ ໄດ້ຖືກເຜົາແລະພະສົງຈາກທົ່ວໂລກຖືກຂ້າຕາຍໝົດ ຊຶ່ງເປັນໂສກນາດຕະກໍາທີ່ສຸດ ບໍ່ສະເພາະພຽງເທົ່ານີ້ ໃນປະເທດແຖວປາກີສຖານ ອັບການີສຖານ ເມື່ອກ່ອນນັບຖືພຸດໝົດພາຍຫຼັງອິດສະລາມເຂົ້າມາບັງຄັບໃຫ້ປ່ຽນສາສນາ ຕາຍກັບປ່ຽນສາສະນາເລື່ອກເອົາເຊັ່ນດຽວກັນ ສະຫຼຸຸບການເພີຍແຜ່ສາສນາອິດສະລາມຄືການເຮັດສົງຄາມແລ້ວບັງຄັບໃຫ້ຄົນປ່ຽນມານັບຖື 

ໃນພະມ່າ ອິດສະລາມເປັນຄົນສ່ວນໜ່ອຍແຕ່ເຂົ້າໄດ້ຮັບການຊ່ວຍເຫຼືອຈາກປະເທດແຖວຕະເວັນອອກກາງດ້ານການເງິນເພື່່ອເຜີຍແຜ່ສາສະນາດ້ວຍການ ສົ່ງເສີມໃຫ້ຜູ້ຊາຍອິດສະລາມແຕ່ງງານກັບຄົນພຸດໂດຍສຸເຫຼົ່າຈະໃຫ້ເງິນອຸດໜຸນແລະຖ້າແຕ່ງກັບລູກສາວຂອງຄົນມີຍົດຍິງສູງຍິ່ງໄດ້ຄ່າຕອບແທນຫຼາຍ ນອກຈາກນີ້ຍັງມີວິທີສົກກະປົກອີກຫຼາຍຢ່າງ ທາງການພະມ່າຈັບຕາເລື່ອງນີ້ເປັນພິເສດ

ຊາວໂລຮິນຍາ ຄົງຈະເປັນເສດບາບກໍາສ່ວນໃດສ່ວນໜຶ່ງ ແຕ່ຢ່າງໃດກໍ່ຕາມໃນຖານະເປັນມະນຸດດ້ວຍກັນ ລັດຖະບານໃນຖານະເປັນຜູ້ປົກຄອງຄວນມີທາງອອກທີ່ດີ ໂດຍການລົດການໃຊ້ຄວາມຮຸນແຮງຂອງຄວາມຂັດແຍ່ງແລະສົ່ງເສີມການຢູ່ກັນຢ່າງສັນຕິ ສົງສານເດັກນ້ອຍທີ່ເກີດມາບໍ່ຮູ້ຫຍັງແຕ່ຕ້ອງມາຮັບກັມຢ່າງນ້າອະນາດ

ປະເທດມຸດສະລິມເອງກໍ່ຄວນເຂົ້າມາໃຫ້ການຊ່ວຍເຫຼືອແລະສົງເສີມການສ້າງການຢູ່ຮ່ວມກັນຢ່າງສັນຕິ ແລະຢ່າເອົາກໍລະນີນີີ້ເປັນປະເດັນຂອງຄວາມອາຄາດກັນຢ່າງບໍ່ມີທີ່ສີ້ນສຸດເລີຍ

ພວກເຮັດຄຣິບນີ້ເຮັດແຕ່ຝ່າຍດຽວກໍ່ບໍຖືກ ຄົນພຸດຖຶກພວກໂລຮິນຍາຂ້າຕາກໍ່ຫຼາຍແລະວັດພຸດຢູ່ບັງກະລາເທດກໍ່ຖືກເຜົາແລະພະສົງ ຄົນພຸດຖືກຂ້າຕາຍກໍ່ຫຼາຍທັ້ງໆທີ່ເປັນຄົນຊາດດຽວກັນພຽງແຕ່ຄວາມເຊື່ອຕ່າງກັນທໍນັ້ນ

ໜ້າສົງສານໂລກນີ້ແທ້ໆ 



__________________
Boy


Member

Status: Offline
Posts: 5
Date:

สงสารก็น่าสงสารอยู่แต่ว่า

เขาเป็นมุสลิม  แต้ประชาชนไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธและประกอบกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ของไทยก็มีปัญหาเราจึงไม่อยากรับโรฮิงยาให้เขาไปประเทศมุสลิมเถอะถ้าเรารับปัญหาจะตามมามากมาย เหมือนแม่สอด จนป่านนี้เขาก็ยังไม่กลับประเทศเลยเพราะเขาอยู่ที่นี่สะดวกสะบาย หากนานาชาติบีบให้ไทยรับเขาเป็นพลเมืองเพราะไปที่ไหนเขาก็ไม่รับนั้นละคือปัญหาหนักอกของไทยเลย ความมั่นคงภายในประเทศอีกเฮ้อเยอะแยะไปหมดปัจจุบันไทยก็มีบุคคลไร้สัญชาติอีกมากมายทั้งตกสำรวจ บุคคลที่อยู่ตามแนวชายแดน ก็ยังสืบหาต้นตอที่มาที่ไปอยู่เลยดังมีการเดินขบวนเสนอตามข่าวออกมาเป็นระยะ 



__________________
Page 1 of 1  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard