หลายท่านอาจจะยังคงไม่เคยรับรู้"ความรู้สึกกลัว" ของเด็กๆ จากภาคอีสานในวัยก่อนจะเข้าโรงเรียน ผมขออนุญาตเล่าให้ฟัง และนี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาษาอีสานเริ่มตีตัวหนีห่างออกจากภาษาลาวและวัฒนธรรมการพูดที่มีมาอย่ายาวนานจำได้ว่าสิ่งหนึ่งที่ผมละเพื่อนๆ ในวัยก่อนจะเข้าเรียนชั้นประถมด้วยกันเคยหวาดวิตกและกลัวก็คือกลัวว่าจะพูดและออกสำเนียงภาษาไทยกลางไม่ถูกที่โรงเรียน พวกผู้ใหญ่ในละแวกหมู่บ้านก็เหลือเกิน หลอกพวกเราว่า หากจะขออนุญาตครูออกนอกห้องไปฉี่หรือหนักนั้น หากพูดขออนุญาตไม่ถูกครูก็จะไม่ให้ไป จำได้ว่าตอนนั้นผมและเพื่อนๆ ต้องฝึกพูดคำว่า "คุณครูครับ ผมขออนุญาตลงไปปัสสาวะครับ" กันหลายเที่ยวและต้องท่องให้ขึ้นใจ และมีอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้เด็กๆ อีสานอย่างพวกเราหวาดวิตกมากเกี่ยวกับการต้องมาพูดภาษาไทยในห้องเรียนและกับครู ปัจจุบันนี้ ถ้าลองสังเกตุดูจะเห็นคนอีสานจำนวนหนึ่งพยายามพูดภาษาไทยกับลูกตั้งแต่เกิด ในขณะที่เพื่อนฝูงหรือญาติๆ บางส่วนพูดภาษาอีสาน ความเป็นไปในลักษณะนี้กำลังแพร่หลายจากตัวเมืองกระจายไปสู่ชนบท และทำให้ภาษาอีสานเริ่มกลายพันธุ์ เช่น จากที่เคยเรียกว่าโฮงเฮียน ก็หันมาเรียก โลงเลียน เคยเรียก "จ้อง" (ร่ม) ก็มาเรียก "ล่ม"แทน เป็นต้นอย่างที่คุณcybrarian ว่านั่นแหละครับ ลาวหลวงพระบางจะมีสำเนียงคล้ายคนจากจังหวัดเลยพูดกัน ส่วนลาวแถวเวียงจันท์จะคล้ายแถวหนองคาย ลองค้นอ่านบทความของคุณสุจิตต์ วงเทศ ในมติชนสุดสัปดาห์ดูนะครับ เห็นเขาเขียนเกี่ยวกับภาษาลาวและภูมิถิ่นฐานของคนลาวมาหลายเดือนแล้ว .....นัยว่า การขับเสภาซึ่งเป็นที่นิยมในราชสำนักชั้นสูงนั้นก็ใช้ภาษาลาวขับกัน เจ้านายที่นิยมเป่าแคนแอ่วลาวมากก็คือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการกล่าวไว้ในพงศาวดารว่า "พระองค์ทรงโปรดแคน ไปเที่ยวทรงตามเมืองพนัสนิคมบ้าง ลาวบ้านลำประทวน เมือง นครชัยศรีบ้าง บ้านศรีทา แขวงเมืองสระบุรีบ้าง พระองค์ฟ้อนและแอ่วได้ชำนิชำนาญ ถ้าไม่ได้เห็น พระองค์ก็สำคัญว่า ลาว" เนื่องจากว่ามีชาวลาวมากมายที่ถูกต้อนมาอยู่รอบปริมณฑลของสยามประเทศในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ไล่ไปตั้งแต่ ชลบุรี ปราจีน นครนายก ลพบุรี กำแพงเพชร สุพรรณบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี จึงไม่แปลกที่ภาษาลาวจะถูกใช้อย่างแพร่หลาย แม้แต่เจ้านายระดับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ หลังพระองค์เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็ทรงได้ออกกฏห้ามไม่ให้มีการเป่าแคนแอ่วลาวในราชสำนักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา......ขอโทษที่ออกนอกเรื่องไปนิด
มายืนยันคุณ คนอุดรฯ ค่ะเราเป็นคนอีสานที่มีพ่อแม่คนอีสานแท้ๆที่ได้เรียนถึงขั้นปริญญา ภาษาแรกที่พูดเป็นภาษาไทยกลาง อย่างที่คนในเมืองของทุกๆจังหวัดในภาคอีสานตอนเด็กได้ไปอยู่กับญาติๆที่เขาพูดลาวกันก็ได้เรียนรู้ภาษาลาว(ไม่เขียน)เข้า รร ก็แปลกใจทำไหมพากันพูดไทยเรียนภาษาไทยและเรียนวัฒนธรรมไทย ไม่เรียนของลาวและภาษาที่เราพูดกันถามครูว่า ทำไหมเราไม่เรียนภาษาที่เราพูดล่ะครูก็ตอบว่า เขาไม่ให้เรียน!เห็นครูตอบงี้แล้วอึ้งเลย มันทำให้คนอีสานพากันเก็บกดนะค่ะไม่ให้พูดภาษา วัฒนธรรมก็ไม่ให้ทำกัน เหมือนล้างเถิ่นไปเลยรู้ๆไปแล้วจะเอาอะไรๆกลับคืนมาก็ทำยากเพราะคนไทยรุ่นสาวใหมและเด็กๆเขาไม่พากันคิดว่าเป็นคนลาวที่อยู่ภาคอีสานไปแล้ว เขาคิดว่าเขาเป็นคนไทยเต็มตัว แต่เข้าไปทำงานหรือเรียนอยู่ภาคกลาง คนกลางก็มาบอกว่าเป็นลาวเห็นอย่างงี้ไม่สงสารกันบ้างหรือค่ะตอนที่สาวใหมพูดลาวได้ พ่อนี่ดีใจสุดๆว่าพูดลาวได้ด้วยหรือ เราก็ตอบว่าได้เพราะหัดพูดกลับญาติๆไครๆที่คุยกับเราที่พูดภาษากลางเขาจะอ่านไม่ออกหรอกว่าเรามีสำเนียงภาคกลางออกทางใหนเพราะบอกเขาแค่มาจากอีสานโทษทีที่ยาวหน่อยค่ะภาษาตกหน่อยก็อย่าว่ากันนะค่ะ อยู่เมืองนอกนานตั้งแต่เด็กแล้วเขียนรีบๆหน่อยเลยไม่ได้ตรวด
ผมเชื่อนะครับว่าดินแดนอีสานมีคนอยู่อาศัยต่อเนื่องมานับพันปี นับตั้งแต่บ้านเชียง ทวาฯ เจนละ เขมร หรือลาว ไม่เคยขาดตอนแต่เรากำลังอยู่ในประเด็นที่ว่า คนอีสานในวัฒนธรรมลาว ซึ่งหมายถึงคนที่พูดภาษาตระกูลลาว มีคติความเชื่อ มีวัฒนธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับอาณาจักรล้านช้างต่างหากที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดในอีสาน และมีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงได้มาออกลูกแผ่หลานเต็มไปหมด ซึ่งก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าโยกย้าย ขยายตัวมาจากฝั่งซ้ายทั้งสิ้น ตลอดจนพวกบรรดาเผ่าอื่นๆเช่น ผู้ไท เมืองเรณูฯ กาฬสินธุ์ ก็ล้วนข้ามฝั่งมาตั้งบ้านเมืองเมื่อต้นกรุงนี้เองเรื่องภาษาอีสานที่มีศัพท์แตกต่างจากภาษาลาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะมันกลาย มันกลืนกันได้ คำยืมจากภาษาเขมรก็มาก จากภาษาฝรั่งก็มี แต่ที่น่าเป็นห่วงอย่างคุณคนอุดร บอก คือเดี๋ยวนี้คนอีสานไม่พูดภาษาบรรดาเผ่าแล้ว เพราะบิดามารดา ไม่พูดด้วย สอนลูกพูดภาษาบางกอก ทั้งๆที่ตัวเองก็พูดไม่คล่อง หลุดคำลาวบ้างไทยบ้างเป็นที่น่าเวทนา ลูกจึงเกิดเป็นเด็กเผ่าใหม่ จำพวกพูดไทยไม่คล่อง เว่าลาวบ่แข็ง ถือเป็นความน่าละอายโดยแท้
ตอบคุณชาวกรุงฯ เรื่องการฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่นคนอีสานตามความรู้สึกส่วนตัว ผมว่าความหวังที่จะฟื้นฟูตรงนั้นมันออกจะเลือนลาง(แต่ไม่ถึงกับมอดม้วยไปเลยนะ)......ถึงตรงนี้ผมขอสารภาพว่า ผมคนหนึ่งเคยพยายามปกปิดความเป็นอีสานของผมในสมัยอยู่เมืองกรุง ด้วยความที่เคยถูกเยาะเย้ยและเสียดสีอย่างรุนแรง ตอนนั้นภูมิต้านทานตัวเองเปราะบาง และตอบสนองคำเยาะเย้ยและเสียดสีด้วยการพยายามปกปิดสถานะตัวเองเพื่อป้องกันความเจ็บปวดทางความรู้สึกจะได้ไม่เกิดในคราวหน้า......ความที่หน้าตาของผมกระเดียดไปทางอื่นถ้าไม่ถามไถ่จริงๆ ก็ไม่รู้ว่ามาจากอีสาน(คนส่วนใหญ่จะบอกผมเช่นนั้น) ผมพยายามฝึกพูดสำเนียงภาคกลางด้วยอยากกลบเกลื่อนสำเนียงอีสานจนเกือบมิด แต่ ผมโกหกตัวเองและคนอื่นอยู่ระยะหนึ่ง จู่ๆ วันหนึ่งความรู้สึกก็กลับตาลปัตร เพราะถูกเพื่อนนำคำพูดอีสานมาล้อเลียนโดยการนำเปรียบเทียบกับภาษาไทย แล้วแปลให้ฝรั่งและหัวเราะอย่างสนุกสนานต่อหน้าผม จุดนั้นเองผมจึงเปิดตัวว่าเป็นคนอีสาน(ครึ่งลาว)โดยไม่สนใส่ใจอะไร ผมพูดภาษาอีสานกับเพื่อนอีสานทุกคน และผมก็พบว่าเพื่อนบางส่วนได้ห่างหายไปจากผมเนื่องด้วยเขาเขินอายที่จะสนทนากับผมด้วยภาษาอีสาน แต่ผมก็ยังพูดคุยภาษาอีสานกับทุกคน และไม่รีรอที่จะโดดเข้าไปทำความเข้าใจหากใครสักคนมาเยาะเย้ยและเสียดสีความเป็นอีสานและภาษาอีสานเพราะผมรู้รสชาตของความเจ็บปวดตรงนั้นดี เพื่อนที่เป็นคนกรุงเทพฯ บางคนไม่รังเกียจที่ผมจะสนทนาด้วยภาษาอีสาน ผมก็ไม่รีรอที่จะพูดด้วย ปัจจุบันนี้แม้ผมจะใช้ภาษาอังกฤษทั้งในส่วนชีวิตประจำวันและหน้าที่การงานมาสิบกว่าปีแล้ว ผมมักจะท่องและอ่านบทผญาทุกอาทิตย์ ผมใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเกือบจะสิบสี่ปี ผมและเพื่อนๆ ร่วมกันตั้งสมาคมคนไทยในเมืองที่ผมอยู่ ส่วนมากจะเป็นคนอีสาน และเราใช้ภาษาอีสานพูดกันซะส่วนใหญ่ คณะกรรมการท่านอื่นก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเรียนคุณชาวกรุงฯ ว่า โดยส่วนตัว ผมเห็นว่ายังไม่คิดไปถึงขั้นฟื้นฟูเลยเสียทีเดียว ในขั้นแรกผมคิดว่าน่าจะหาวิธี “ยับยั้ง” ค่านิยมของคนอีสานที่หันมาพูดไทยกลาง.....และตรงนี้ เราต้องเจาะลงไปอีกว่า ทำไมพวกเขาถึงหันมาพูดภาษาไทยกลางกัน??? 1. ภาครัฐไม่ได้วางตนเป็นกลางในการที่จะอลุ่มอล่วยเรื่องการกลมกลืนภาษาราชการกับภาษาท้องถิ่น สมัยก่อนนั้นบางโรงเรียนมีการตัดคะแนนเด็กที่พูดไทยกลางไม่ชัด อีกทางหนึ่ง ภาครัฐกลับอลุ่มอล่วยเรื่องภาษาท้องถิ่นกับภาษาราชการกับกลุ่มคนบางกลุ่มในภาคใต้ 2. ท่าทีและการแสดงออกของกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาศัยในเมืองหลวงหรือชายขอบเมืองหลวงต่อภาษาอีสาน ทำให้คนอีสานต้องอับอายและพยายามกลบเกลื่อนเสียด้วยการหันมาพูดไทยกลางแบบ “ภาษากลายพันธุ์” 3. การเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ของพ่อแม่คนอีสาน ที่ไม่อยากให้ลูกๆ ของตัวเองไม่เก้อเขินที่จะพูดภาษาไทยกลางเวลาเข้าโรงเรียน 4. ค่านิยม อะไรก็แล้วแต่ที่มาจาก “บางกอก” เมืองหลวง ถ้าทำตามแล้วก็จะถือว่า ศิวิไลซ์ 5. ฯลฯสรุปแล้ว ต้องพยายามทำให้คนอีสานรู้สึกว่าการพูดภาษาอีสานไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันคนชาวเมืองหลวงบางกลุ่มก็ต้องลดท่าทีที่มีต่อภาษาอีสานจากกลุ่มคนอีสาน
การอยู่ประเทศไทย เป็นคนไทยเว้าไทยได้ก็เป็นเรื่องดี เพื่อที่จะใช้สื่อสารกับคนไทยทั่วประเทศ ครูอาจารย์ท่านก็หัดให้พูดไทยเพื่ออนาคตของเด็กในการศึกษา แต่ถ้าจะเว้าเป็นภาษาท้องถิ่นก็ไม่มีใครห้าม ผมอยู่โรงเรียนเว้าไท แต่กลับบ้านก็เว้าเขมรกับพ่อแม่ เราควรภูมิใจในสำเนียงภาษาถิ่นของเรา อย่าไปกลัวหรือคิดว่าเขาจะดูถูกครับ ส่วนใหญ่เราจะคิดไปเอง ผมไปลาวผมก็พยายามเว้าลาว คนลาวอาจจะหัวเราะสำเนียงของผม แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเขาดูถูกผมเลย ผมเว้าเขมรสำเนียงก็ไม่เหมือนคนเขมรนะครับ คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคนที่ดูถูกคนแบบนั้นครับ อย่างกรณีที่นักแสดงไทยคนหนึ่งดูถูกคนเขมร ทำให้คนเขมรโกรธทำร้ายคนไทยในเขมรและทำลายสถานทูต จนต้องมีการหนีตายกัน กับกรณีไทยรบเขมรเรื่องเขาพระวิหาร คนเขมรมาทำงานที่บ้านผมจำนวนมาก คนไทยก็ไม่ได้คิดที่จะทำร้ายคนเขมรเหล่านี้เลย ก็อยู่ได้ตามปกติ
อยากตบปากบักอันนี้แท้ๆเด้
หากจะขออนุญาตครูออกนอกห้องไปฉี่หรือหนักนั้น หากพูดขออนุญาตไม่ถูกครูก็จะไม่ให้ไป จำได้ว่าตอนนั้นผมและเพื่อนๆ ต้องฝึกพูดคำว่า "คุณครูครับ ผมขออนุญาตลงไปปัสสาวะครับ"
แปลกตรงไหน
เขาเรียกว่า มารยาทในห้องเรียน มันมีกฎมีระเบียบของมันอยู่
ความเคารพ โดยใช้คำว่า “นักเรียนเคารพ” ให้นักเรียนในห้องทุกคนยืนตรง ทำความเคารพด้วยการยกมือไหว้และกล่าวว่า “สวัสดีครับ,สวัสดีค่ะ” พร้อมกัน
เมื่อหมดเวลาเรียนครู-อาจารย์กำลังจะออกจากห้องเรียน ให้หัวหน้าหรือตัวแทนบอกทำความเคารพ โดยใช้คำว่า “นักเรียนเคารพ” ให้นักเรียนทุกคนยืนขึ้นแล้วยกมือไหว้ พร้อมกับกล่าวคำว่า “ขอบคุณครับ,ขอบคุณค่ะ” พร้อม ๆ กัน
เรื่องขออนุญาติเข้าห้องน้ำก็เหมือนกัน เขาฝึกกันมาแต่เด็กๆ
"คุณครูครับ ผมขออนุญาตลงไปปัสสาวะครับ" นี้แหละเขาเรียกว่ามารยาทในห้องเรียน
ปัสสาวะ เงี่ยว อุจจาระ ขี้
คุณครู ปวดขี้ครับ ขอไปขี้ก่อนเด้อ มันสิให้เว้าแบบนี้บ่ บักฮุ้ขี้เอ่ย
น่าจะเป็นคนไทย post อันนี้เป็นปํญหาของคนไทยไม่ใช่เหรอครับ
ทำไมมา post ที่นี่ สมาคมลาว ต้องการสื่ออะไรมิทราบครับ
อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด อยากรณรงค์วัฒนธรรมลาวภาษาลาวให้คนไทย
ก็ไปรณรงค์ ที่ฝั่งไทย อยากโชว์ใช่ไหม ว่าฉันนี่แหละนักอนุรักษ์วัฒนธรรมลาวภาษาลาว
ตัวจริง
เข้าใจหรือเปล่า คำว่าประเทศ,คำว่าภาษากลาง, ภาษาทางการ,กาละเทศะ ,ถูกที่ถูกเวลา
ນັບມື້ນັບຈະສູນພັນໄປແລ້ວແນວວ່າລາວອິສານໃນປະເທດໄທຍບໍ່ມີຮອດອັກສອນແລະວັຍະກອນປະຈຳເຊື້ອຊາດຂອງເຂົາເລີຍ ທັ່ງໆທີ່ລາວອິສານເປັນເຊື້ອຊາດໃຫຍ່ແລະມີພົລະເມືອງຫລາຍກ່ວາໝູ່ໃນປະເທດໄທຍ. ເບິ່ງແຕ່ລາວລ້ານນາໃນປະເທດຈີນເຂົາຍັງມີອັກສອນແລະວັຍະກອນປະຈຳເຊື້ອຊາດຂອງເຂົາມາຕຣອດ. ລາວຄຳເມືອງພາກເໜືອຂອງໄທກຳລັງຟື້ນຟູແລະຮ່ຳຮຽນພາສາລາວຄຳເມືອງຂອງຂະເຈົ້າຢູ່ໃນປັຈຸບັນີ້, ຄິດວ່າໃນອານາຄົດອັນໃກ້ໆນີ້ຣັຖະບາລໄທຍຄົງຈະອະນຸຍາດໃຫ້ພາສາຄຳເມືອງເປັນພາສາລາວພາກເໜືອຂອງໄທຍຢ່າງເປັນທາງການດັ່ງຣັຖະບາລຈີນໄດ້ອິນຸມັດໃຫ້ຊາວລາວລ້ານນາໃນປະເທດຈີນນັ້ນເອງ. ໜ້າເສັຍດາຍ ແລະເສັຍໃຈກັບຄົນລາວອິສານຂອງປະເທດໄທຍທີ່ບໍ່ສາມາດຟື້ນຟູແລະຮັກສາໄວ້ຊຶ່ງພາສາເຊື້ອຊາດຂອງຕົນເອງໄດ້, ແລະ ທາງການໄທຍຍັງຖືສເມີວ່າລາວອິສານມາຈາກເຊື້ອຊາດຂ້າທາດຂອງເຂົາສເມີ.