Pasalao

        ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าทีมเพื่อนบ้าน ไทยให้ความสำคัญแค่ไม่กี่ชาติที่พัฒนาทีมได้น่ากลัวหนึ่งนั้นก็ต้องยกให้กับ เวียดนาม เจอทีไรแพ้-ชนะกันไม่ขาด อีกสามชาติคือ สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ที่พอสูสีแต่เจอกันทีไรก็ผูกปีชนะ ! 





        พวกปลายแถวไม่ว่าจะเป็น ลาว, เมียนมาร์, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์, ติมอร์เลสเต, บูรไน เหล่านี้ หางตาซ้ายแทบไม่แลเพราะสู้กันไม่ได้ในเรื่องความสามารถนักเตะ 



        แต่ปัจจุบันเมื่อเวลาผ่าน ไทยย่ำต๊อกอยู่กับที่ ปล่อยให้มาเลเซียพัฒนาทิ้งไปไกลอีกสเต็ป เช่นเดียวกับ เวียดนาม, สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย วัดค่าสัมประสิทธิ์จากซีเกมส์ 2 ครั้งติดดีกว่าไทยมาก แม้กระทั้งฟิลิปปินส์ยังบัญญัติเอาคำว่า "คุณไทยมาก" รวมไปกับความไม่เป็นโล้เป็นพายของวงการลูกหนังไทยด้วย!



        ยุคก่อนหน้านี้เล่ากันว่า ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ หรือบิ๊กเนมในตะวันออกกลางไม่จำเป็นต้องลงอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย หรือพวกในอาเชียนเพราะพวกเขาเล็งเห็นว่าไม่มีประโยชน์ แม้กระทั้งถ้วย ''กิริน คัพ'' ของญี่ปุ่น ยังเชิญพวกยุโรป, อเมริกาใต้ ที่มีชื่อเสียงมาเล่น 



        สำหรับนักเตะไทยต้องยุติลงสมัยนักเตะรุ่นคุณอาอย่างพวก ปิยะพงษ์  ผิวอ่อน, เฉลิมวุฒิ สง่าพล, พิชัย คงศรี ฯลฯ ที่เหล่าขุนพล "ซามูไรบูลส์" ให้การยอมรับในฝีเท้า เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ที่ไม่อุ่นเครื่องกับไทยนานหลายปีเว้นเสียแต่จะเชิญมาร่วมเล่นฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ซึ่งระยะหลัง สมาคมลูกหนัง "โสมขาว" ก็ส่งแค่ชุดปรีโอลิมปิกมาเล่นเพียงเท่านั้น 



        มาถึงตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า ไทยอ่อนด้อยเชิงแข้งอย่างเห็นได้ชัด สังเกตได้จากเชิญเพื่อนร่วมอาเชียนที่เราเคยปรามาสไว้ในอดีต เมื่อมาถึงยุคตกต่ำส่งเทียบเชิญทีมเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, เมียนมาร์ ต่างอิดออดที่จะมาด้วยเหตุผลเช่นเดียวกับที่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ มันคิด!



        กระนั้นก็ดีก็ต้องขอชื่นชมในน้ำจิตน้ำใจของมหามิตรอย่าง ทีมชาติลาว ที่ยังตกปากรับคำว่าจะมาอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย ให้ในวันที่ 12 ก.ย. นี้ ขณะเดียวกันก็ต้องขอชื่นชมกับความพยายามของ "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ที่เลื่อนเกม "โตโยต้า ลีก คัพ" รอบ 8 ทีม นัดที่สอง ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทีมที่ผ่านเข้ารอบ นั่นก็เพราะเพื่อชาติเท่านั้นไม่มีสิ่งอื่นใดแอบแฝง 



        หลายท่านอาจจะถามว่าตอนนี้ ไทยทำได้แค่อุ่นเครื่องกับลาวเท่านั้นเองหรอ ถ้าจะสืบให้ดีก็จะพบว่าบอลลาวยุคนี้ต่างจากสมัยก่อนมากกลายมาเป็นทีมที่เล่นได้สูสีกับไทย ผลงานดีกว่าด้วยซ้ำไป 



        ซีเกมส์ 2009 ลาวผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นประวัติศาสตร์ลูกหนังของชนชาติฝั่งขวาริมน้ำโขง ปี 2010 ไทย เสมอ ลาว ในศึก "ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ" ลุมาถึงปี 2012 ฟุตบอลเยาวชน 22 ปีชิงแชมป์เอเชีย ไทย แพ้ ลาว นะครับ นี่ยังไม่นับรวมเยาวชน 16 ปีที่ไทยก็แพ้ลาวอีกต่างหากในการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ 



        จึงเป็นเหตุผลว่ามาถึงตอนนี้หากจะมองย้อนดูตัวเราแล้วก็จะพบว่าขีดความสามารถฝีเท้าของไทยไม่หนีลาวไปสักเท่าไหร่ ดังนั้นเกมอุ่นเครื่อง 12 ก.ย. นี้ เพื่อเตรียมทีมเล่น "เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2012" จึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งการเผดียงแข้งระหว่างไทยกับลาว งานนี้ใส่กันมันส์หยด! ลาวไม่เกรงกลัวไทยเหมือนในอดีตพร้อมกับเอาใจเล่นเพื่อชัยชนะ



        ในขณะที่ไทยถ้าการเตรียมทีมไม่ดีแล้วยังเล่นแบบแอ็กอาร์ต งานนี้เตรียมตัวโดนลาวสอนเชิง! เหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องขอขอบคุณทีมชาติลาวที่ยังให้เกียรติทีมชาติไทย ได้มีเกมอุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่าแมตช์เดย์ ก่อนจากก็ขอฝากว่า "ยามที่เราจนมีคนพร้อมอยู่เคียงข้างนี่แหละคือเพื่อนแท้!" 

                                                
                                                                  งาช้างดำ