Pasalao

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ໂຄສະນາຊວນເຊື່ອ ຂອງລາວ
Anonymous

Date:
ໂຄສະນາຊວນເຊື່ອ ຂອງລາວ


ການຄ້າມະນຸດ ເປັນສິ່ງທີ່ເປັນໄພ ຄຸກຄາມຂອງຄົນລາວ

ຄືກັນກັບຄົນທີ່ຖືກຕວະ ໄປຢູ່ອາເມລິກາ 



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:

ການຄ້າມະນຸດ ເປັນສິ່ງທີ່ເປັນໄພ ຄຸກຄາມຂອງຄົນລາວ

ຄືກັນກັບຄົນທີ່ຖືກຕວະ ໄປຢູ່ອາເມລິກາ 


 555 the PDR's government got forces by Untied Nation the lao government has to do something about Human Trafficking...otherwise they turn the blind eyes on this issue.



__________________
Anonymous

Date:


ຂ້ອຍຜູ່ນຶ່ງທີ່ຖືກຕົວະໃຫ້ມາຢູ່ອາເມຣິກາຕັ້ງແຕ່ຕອນອາຍຸໄດ້ 5-6 ປີ. ມື້ນັ້ນ ອ້າຍກັບເອື້ອຍໄພ້ພາໄປຫຼິ້ນຖໍ້າພະ, ຈາກນັ້ນເພິ່ນກໍ່ວ່າຈະພາໄປຢາມໝູ່ຂອງເພິ່ນຢູ່ບ້ານຫຍັງບຸ ຂ້ອຍກໍ່ບໍ່ຈື່ ຈື່ໄດ້ແຕ່ວ່າຂີ່ລົດຈາກຖໍ້າພະປະມານຊົ່ວໂມງປາຍແລະເພິ່ນກໍ່ພາລົງເຮືອຂ້າມໄປບ້ານໝູ່ເພິ່ນ. ສອງສາມມື້ຕໍ່ມາເພິ່ນກໍ່ພາເຂົ້າສູນ, ຢູ່ສູນປີນຶ່ງ ເພິ່ນກໍ່ພາມາຢູ່ອາເມຣິການ.
ສີ່ປີກ່ອນເມືອຢາມບ້ານ, ໝູ່ທີ່ເຄີຍຫຼິ້ນຕີແປ໊ະນໍາກັນ ບັກໃດ໋ກະເອົາເມຍມີລູກມີຫຼານອູ້ມເຕັມເຮືອນ ຂ້ອຍພັດຍັງໂສດໆສົດໆ ຮາໆໆໆໆໆໆໆໆໆ ຄັນບໍ່ໄດ້ມາຢູ່ເມກາ ປານນີ້ຄືຊິໄດ້ເປັນພໍ່ເຖົ້າຄືໝູ່ແລ້ວ ຄິດມາແລ້ວເສຍດາຍ :D

__________________
Anonymous

Date:

www.siengserixonlao.com

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 269
Date:

ຢ່າຟ້າວວ່າ ໂຄສະນາຊວນເຊື່ອ ເລີຍເພາະ ຄົນທີ່ຫຼອກໄປ ຍົວະໄປ ຫຼືເຊື່ອແຂກແລ້ວໄປຕາມແຂກເລີຍ ກໍ່ມີຜູ້ໂຊກດີ ແລະ ໂຊກຮ້າຍ ບາງຄົນລ້ຳລວຍ ແຕ່ບາງຄົນຖືກຈອງຈຳບັງຄັບໃຫ້ຮັບແຂກກໍ່ມີ ບໍ່ເວົ້າໄກຢູ່ໄທຍນີ້ກໍ່ຍັງມີຄົນລາວ ສາວລາວໂດນຂັງ ຢູ່ຝຣັ່ງເສດກໍ່ຍັງມີຂັງຄົນຝຣັ່ງເສດດ້ວຍກັນ ເປັນສາວນ້ອຍທີ່ຈັບມາຈ້າງກັບໂຮງຮຽນ ເບິ່ງຂ່າວຈາກລາຍການ Discovery ນັ້ນເດ



__________________
Anonymous

Date:

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1332388531&grpid=09&catid=&subcatid=

"แอปเปิ้ล-สีสะเหงียน สีหาราช"ไฮโซลาวลูกเศรษฐีเงินกีบเล่าชีวิตไฮโซลาวนัดดื่มไวน์-จิบน้ำเต้าหู้

Share267









สภาพสังคมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหรือ สปป.ลาว ก็เป็นเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ที่มีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนเช่นเดียวกัน เพียงแต่น้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสสัมผัส และเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนอีกชนชั้นหนึ่งที่ไม่ใช่แค่กรรมกรแบกหาม หรือผู้ใช้แรงงานแลกเงินอยู่ในต่างแดน

ชีวิตที่แตกต่างของ "สีสะเหงียน สีหาราช" หรือ "แอปเปิ้ล" วัย 23 ปี ลูกสาวเศรษฐีเมืองลาว หญิงสาวนัยน์ตากลม ร่างเล็ก หน้าตาน่ารัก เธอเข้ามาศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในประเทศไทยที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เคยรับงานถ่ายแบบนิตยสาร Cheeze ตามมาด้วยพิธีกรรายการ Double Cheeze และล่าสุดได้รับบทแสดงเป็น "แอน" นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงร่วมอยู่ในเที่ยวบินสยองขวัญเรื่อง "407 เที่ยวบินผี" 3D ภาพยนตร์ระทึกขวัญ บนความสูง 30,000 ฟุต ทุกชีวิตต้องซุกตัวอยู่ภายในเครื่องบินที่ไม่มีทางหนี ไม่มีที่ซ่อน

บทบาทการแสดงชวนระทึกขวัญน่าติดตามพอ ๆ กับชีวิตจริงของแอปเปิ้ล หญิงสาวสัญชาติลาว ผู้เกิดและเติบโตที่เมืองเวียงจันทน์ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทองที่พ่อและแม่หามาได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนหรือต้องคิดอะไรมาก สามารถเปิดตู้เซฟหยิบเงินกีบออกไปใช้จ่ายได้อย่างสบายมือ

"สีสะเหงียน" เป็นลูกสาวของนางสีสะหง่า มีพี่สาวชื่อ สีสะหงวน และน้องสาวชื่อ พิราลักษณ์ ซึ่งเดิมทีแม่จะให้ลูกคนเล็กชื่อ "สีสะเหงี่ยม" จะได้คล้องจองกัน แต่เธอขอร้องแม่ว่า

"อย่าทำร้ายน้องเลย เพราะทำร้ายหนูมาแล้ว (หัวเราะ) เพราะไม่เคยมีใครเข้าใจชื่อเราเลย ใครได้ยินก็มักจะถามซ้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า ...อะไรนะ"

ครอบครัวของนักแสดงสาวอินเตอร์ผู้นี้ประกอบธุรกิจในลาว จัดว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเศรษฐีลาว แม่เธอเป็นผู้ค้าส่งให้กับเหล้าจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ดูแลดิวตี้ฟรีสาขาของดาวเรือง และเปิดมินิมาร์ต ส่วนพ่อทำเกสต์เฮาส์ที่เวียงจันทน์ชื่อ "สีสะหง่า เกสต์เฮาส์" และก็มีแผนที่จะขยายสาขาออกไปในเร็ว ๆ นี้ด้วย

ฐานะทางครอบครัวเป็นอย่างไร

ก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย เป็นครอบครัวที่ทำมาหากิน ไม่ได้เกิดมานอนบนกองเงินกองทอง คุณพ่อคุณแม่ก็พอจะมีกำลังส่งลูก ๆ ทุกคนเรียนในที่ดี ๆ ให้อยู่แบบสุขสบาย ไม่ได้รวยล้นฟ้า ครอบครัวในตอนแรกคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้มีพื้นฐานที่ดีอะไรมาก่อน คุณพ่อเป็นคนขยัน เป็นคนตั้งใจทำงานจนมีได้ถึงทุกวันนี้

"ถือว่าเราเกิดมาในครอบครัวที่สุขสบายระดับหนึ่ง ทุกคนในบ้านมีเงินใช้ มีรถขับ อยากไปไหนก็ได้ไป ลูกทุกคนสามารถหยิบมาใช้จ่ายได้เหมือนกับมินิมาร์ตหรือว่าเกสต์เฮาส์ ที่บ้านก็จะเลี้ยงลูกแบบไว้ใจกัน เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็เลยให้กุญแจเซฟลูก ๆ ถือไว้ ถ้าอยากจะใช้เงินก็ไปหยิบเอามาใช้ แต่ไม่ได้หยิบเยอะนะ ก็หยิบตามปกติ

แบบว่าถ้าวันนี้ต้องออกไปข้างนอกต้องใช้เงินเท่าไหร่ เราก็หยิบออกไปใช้เท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้นับนะว่าครั้งหนึ่งเราหยิบออกไปเท่าไหร่ บางวันอยากไปดินเนอร์หรูก็หยิบไปเยอะหน่อย

ไม่เคยคิดว่าเดือนนี้ใช้เท่านี้ เราใช้ชีวิตกันแบบสบาย ๆ

เราไม่เคยกังวลเลยว่าวันหนึ่งเราจะไม่มีเงิน"

แต่เมื่อเธอต้องมาใช้ชีวิตในเมืองไทย ไม่มีตู้เซฟให้เปิดใช้ได้ตามใจ แต่ต้องกดผ่านตู้เอทีเอ็มที่ทางบ้านโอนเงินเข้ามาเป็นเดือน ชีวิตของลูกเศรษฐีลาวจึงเปลี่ยนไป

"บางครั้งทางบ้านก็โอนเงินมาเยอะแล้ว เราใช้หมด ก็ไม่กล้าที่จะโทรไปขอ เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยนับไงว่าเราใช้ไปเท่าไหร่ มาอยู่ที่นี่ตู้เอทีเอ็มมันไม่เหมือนตู้เซฟพ่อกับแม่ มีข้อจำกัด บางทีใช้เงินเพลินจนหมด เพราะเราลืมตัว"

หลังจากนั้นเราก็ปรับตัว เริ่มรู้แล้วว่าเวลาเราใช้เงินเราต้องมีระเบียบ รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ในเดือนนี้ จะใช้เป็นแสนก็ไม่ไหว ต้องรู้ตัวเองอยู่เสมอว่าตอนนี้มียอดเงินคงเหลือเท่าไหร่

จากเมื่อก่อนอยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากทิ้งอะไรก็ทิ้ง แต่ตอนนี้อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็เสียดาย เราคิดได้แล้ว อีกอย่างมันน่าจะเป็นเพราะเราโตขึ้นมามากแล้วและต้องมาอยู่คนเดียว ก็เลยต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น

คุณพ่อคุณแม่ก็ถามอยู่เสมอว่าเป็นยังไง เงินหมดหรือยัง บางทีเงินหมดเราก็ไม่กล้าบอก ประมาณว่าเพิ่งจะโอนเงินไปให้เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้เงินหมดแล้วอะไรทำนองนี้ ตรงนี้จึงทำให้เกรงใจ รู้จักการใช้เงินมากขึ้น

ช็อปปิ้งที่ลาวใช้เงินครั้งละเท่าไหร่

ของที่ลาวก็แพงอยู่นะ เพราะว่าของที่ลาวส่วนมากเป็นของนำเข้า ซึ่งเขาก็เอามาจากเมืองไทย พอไปถึงที่ลาวเขาก็ยิ่งบวกราคาเข้าไปอีก ค่าครองชีพที่ลาวก็ค่อนข้างแพง (แต่แพงในมุมมองของแอปเปิ้ล) ที่ลาวจะมีแต่ห้างเล็ก ๆ ไม่มีห้างใหญ่มาก นาน ๆ ทีก็จะมาช็อปปิ้งที่เมืองไทยบ้าง

ทุกวันนี้ยังช็อปปิ้งอยู่มั้ย

"ยังช็อปอยู่ เพราะเราเป็นผู้หญิงจะไม่ช็อปเลยมันทำไม่ได้จริง ๆ (หัวเราะ) อีกอย่างตอนนี้แอปเปิ้ลก็หาเงินเองด้วย เวลาใช้เงินตัวเองก็จะรู้สึกดีมาก สามารถช็อปปิ้งได้อย่างสบายใจ เวลาเราเล่นเกมแล้วเราสนุก มีไอแพด มีไอโฟน เราก็คิดถึงคุณพ่อว่าเขาก็คงจะเหงา อีกอย่างเขาก็แก่แล้ว เราก็เลยซื้อไอแพดไปให้ท่านด้วยเงินของเราเอง ส่วนคุณแม่เราก็ซื้อกระเป๋าไปให้ เพราะว่าแม่บอกว่าเล่นไอแพดไม่เป็น เรื่องนี้มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจมากที่ได้ซื้อของให้ท่านด้วยเงินของเราเอง"

ทำไมถึงเลือกมาเรียนต่อที่เมืองไทย

ตอนเด็กก็เรียนที่ลาวมาตลอด พอจบไฮสกูลคุณพ่อคุณแม่ให้เลือกเองว่าจะไปต่อที่ไหน ปล่อยให้เราไปใช้ชีวิตตามที่ตัวเองอยากไป พี่สาวเลือกไปเรียนต่อที่แคนาดา

"ตอนแรกเราก็ลังเลว่าจะเรียนที่ไหน แต่สุดท้ายก็เลือกเมืองไทย เพราะมันใกล้บ้าน และเป็นห่วงพ่อกับแม่

พี่สาวก็อยู่แคนาดามันไกลมาก ปีหนึ่งก็กลับมาได้แค่ครั้งเดียว น้องคนเล็กก็เพิ่งจะอายุ 15 ปีเอง ไม่มีใครที่พอจะดูแลพ่อแม่ บางทีพอท่านป่วยก็อยากจะบินกลับไปดูแลให้ได้เร็วที่สุด"

แอปเปิ้ลเรียนไฮสกูลที่โรงเรียนจันทน์สวรรค์เป็นโรงเรียนอินเตอร์ลาว-อเมริกัน สอนทั้งภาษาลาว และภาษาอังกฤษ ยูนิฟอร์มจะนุ่งผ้าถุงกับเนกไท เพราะพ่อกับแม่ไม่อยากให้หลุดไปทางอินเตอร์มากเกินไป พอจบไฮสกูลก็มาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ สาขามาร์เก็ตติ้ง

สาเหตุที่เลือกเรียนมาร์เก็ตติ้ง

"เลือกเรียนมาร์เก็ตติ้ง เพราะว่ามันเป็นสาขาที่เรียนแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง และธุรกิจของบ้านต้องใช้มาร์เก็ตติ้งเข้าไปช่วยอยู่ตลอด คุณแม่ทำธุรกิจแบบบ้าน ๆ ทำไปเรื่อย ๆ จึงคิดว่าถ้าวันหนึ่งเรารู้จักมาร์เก็ตติ้ง รู้ระบบ เราก็จะสามารถเข้าไปช่วยได้ และถ้าได้ต่อปริญญาโทก็จะเรียนต่อมาร์เก็ตติ้งเหมือนเดิม"

การที่เป็นคนลาวที่มาอยู่เมืองไทยมีอะไรที่ทำให้กดดันบ้าง

"มีเยอะมาก (เน้นเสียง) ทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่ทำงาน ก็รู้ ๆ กันว่าคนไทยชอบใช้คำพูดดูถูกคนลาว อย่างคำว่า "ลาว" แต่ในมุมมองกลับกันแอปเปิ้ลก็ไม่ชอบ แต่ไม่เป็นไรเราจะไม่คิดเหมารวม เพราะคนที่ดี ๆ เขาก็มีเยอะ

ถ้าได้ยินเขาพูดก็จะพยายามสื่อให้เขารู้ว่า หยุดพูดเถอะ มันไม่ดีหรอก เพราะถ้าคุณเป็นคนไทยแล้วไปเจอฝรั่งมาว่าคุณ คุณก็คงจะไม่ชอบ เพราะบางครั้งเขาอาจจะลืมตัวหลุดปากออกไป เราก็เลยต้องพยายามไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ แต่ถ้าหยุดพูดแบบนี้ได้ก็จะดีมาก เพราะว่าที่ลาวเขาไม่เคยดูถูกคนไทย เขามองว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้อง และชื่นชมด้วยซ้ำว่าประเทศไทยดี พัฒนาเร็ว แต่พอเขาโดนคนไทยต่อว่าเขาก็จะเสียใจ

ประเทศเราก็พัฒนาแล้ว แต่บางครั้งเขาอาจจะติดภาพสมัยก่อนจนกลายมาเป็นคำต่อว่าก็ได้ เพราะเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คำต่อว่า "ลาว" เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน และเกิดขึ้นมาจากอะไรด้วยซ้ำ รู้เพียงแต่ว่ามีมานานแล้ว ก็อยากให้มีสตินิดหนึ่งเวลาจะพูดออกมา

เพราะมันกระทบจิตใจของบางคนไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย

ดูอย่างเมืองไทยก็ยังมีทั้งคนจนและคนรวยที่แตกต่างกันเหมือนกับประเทศลาว และขอยืนยันว่าถ้าได้ยินคำนี้ก็ยังเคืองอยู่ ยิ่งถ้าตอนนั้นอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วยก็อาจจะมีการโต้ตอบกลับไปอย่างแน่นอน"

ภูมิใจกับความเป็นคนลาวไหม

"ภูมิใจมากเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย แม้จะไม่มีห้าง ไม่มีทางด่วนสูง ๆ แต่เราเข้าใจเหตุผล เพราะว่าเขากลัวร้านโชห่วยของประชาชนในประเทศจะเจ๊ง ทุกคนจะเข้าห้างหมด ที่ประเทศลาวไม่มีทางด่วนก็เพราะว่าเขากลัวจะมาบังทัศนียภาพของประตูชัย"

แม้เธอจะมองอย่างเข้าใจในความเป็นประเทศลาวแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความศิวิไลซ์ของเมืองไทย โดยมองว่าควรจะต้องมีสถานที่แบบนี้ไว้เป็นที่ผ่อนคลายบ้างเหมือนกัน

ความแตกต่างของสังคมไทยและสังคมลาว ?

ชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็นผู้คน ที่ไม่ได้หมายความว่า คนไทยไม่ดีนะ แต่คนไทยค่อนข้างมีการแข่งขันสูง เขาก็เลยดูเครียดกับชีวิตมาก อย่างที่ลาวไปไหนก็จะมีความเป็นพี่เป็นน้อง ยิ้มแย้มสบาย ๆ ใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ พอเพียง

สังคมไฮโซลาวเป็นอย่างไร

"คนกลุ่มนี้มีอยู่ทุกที่ กลุ่มสังคมของแอปเปิ้ลอาจจะไม่ได้ไฮโซมาก แต่เชื่อว่าคนไทยหลาย ๆ คนที่ดูถูกคนลาวเขาต้องไม่เคยเห็นคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน

ไม่รู้ว่าเราใช้ชีวิตกันยังไง ไม่เคยเห็นเลยว่าเราอยู่กันแบบไหน เราไม่ได้ติดดิน เราไม่ใช่ชนชั้นแรงงาน พวกเราเป็นกลุ่มคนที่มีครบ ทั้งการศึกษาและฐานะเหมือนคนไทย บางคนไปเรียนเมืองนอกมีการศึกษาสูง ๆ จบโท จบด็อกเตอร์ ในประเทศลาวก็มีคนแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะมีแต่แรงงานกันทั้งประเทศ เรามีการศึกษาและฐานะที่ดีมีทุกอย่างพร้อม และเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ เพียงแต่คนไทยที่ไปเที่ยว

ที่ลาวอาจจะไม่เคยเห็น เพราะว่าไปไม่ถูกที่"

ไฮโซลาวไปรวมตัวกันอยู่ที่ไหน ทำอะไร

พวกเราจะมีการนัดกันรวมตัวกันไปกินไวน์ หรือไปกินน้ำเต้าหู้ ไปออกกำลังกาย คือที่ลาวก็ไม่ได้มีอะไรเยอะ แต่พวกเรามีกำลังพอที่จะจ่าย เพื่อนที่ไทยหลาย ๆ คนมักจะบอกว่าแอปเปิ้ลไม่เหมือนคนลาว นั่นก็เพราะว่าคุณไม่รู้ว่าคนลาวเป็นแบบนี้เยอะ

หลายคนอาจจะคิดว่าคนลาวแต่งตัวไม่เก่ง แต่คนที่แต่งตัวเก่งก็มีเยอะ พูดได้เลยว่าคนที่ลาวหลายคนมีกำลังซื้อที่มากพอสำหรับแฟชั่นใหม่ ๆ

"ความจริงแล้วเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมทั่วโลก ในสังคมไทยเองก็มีคนอยู่หลายระดับเหมือนกัน แต่บางครั้งเราอาจจะโชคดีกว่าคนอื่นตรงที่ได้เกิดมาในครอบครัวและสังคมที่ดีกว่าเท่านั้นเอง"

ทำไมถึงได้พูดภาษาไทยชัดเจนและคล่องมาก

ภาษาไทยกับลาวมันคล้ายกันอยู่แล้ว มันแค่แตกต่างกันตรงสำเนียง ถ้าเราฟังเยอะหัดพูดเยอะเราก็พูดได้ชัดเอง ตอนมาเมืองไทยแรก ๆ ก็ยังติดสำเนียงลาวอยู่นะ อย่างคำว่า "เลี้ยวขวา" ก็จะพูดว่า "เลี้ยวขัว" (พูดสำเนียงลาว) แต่ด้วยความที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอด ยิ่งพูดไม่ได้ก็ยิ่งอยากพูด หัดพูดบ่อย ๆ จนพูดได้แบบทุกวันนี้

ความต่างของวงการบันเทิงลาวกับวงการบันเทิงไทย

วงการบันเทิงที่ลาวก็ดีนะ แต่ว่ามันยังเล็กอยู่ ยังไม่ครอบคลุมทั่วทั้งหมดของประเทศ ดาราก็ยังน้อย นักร้องก็น้อยจนสามารถนับคนได้เลย และพอมันเล็กแบบนั้นค่าตัวก็ยังน้อย แต่เมืองไทยดาราเยอะจนจำแทบไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใคร เพราะว่ามันใหญ่มาก ประเทศลาวเองก็ยังดูสื่อไทย แต่ถ้าจะให้มาเปรียบเทียบกับเมืองไทยคงเทียบไม่ได้ เหมือนกับการเอาวงการบันเทิงไทยไปเทียบกับฮอลลีวูดก็ยังเทียบไม่ได้เหมือนกัน

แน่นอนที่สุดว่า หญิงชาวลาวผู้นี้ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด และพูดได้เต็มปากว่าเธอ "เป็นคนลาว ถ้ามีอะไรที่เราสามารถพูดแทนประเทศลาวได้เราก็จะพูด แม้อาจจะเป็นจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่ง แต่เราก็ภูมิใจที่ได้ทำ"

ส่วนเรื่องหัวใจเธอได้ฝากไว้ที่หนุ่มนักร้องชาวไทย ศิลปินจากค่ายอาร์เอส ฟลุค ซี-ควินท์ ผู้ให้ของขวัญเป็นรถยนต์มินิคูเปอร์สีแดงคันงาม เพื่อทดแทนมินิคูเปอร์สีขาวที่ใช้ประจำอยู่ในลาว

ก่อนจบบทสนทนา เธอยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่ไฮโซ เป็นแค่เด็กธรรมดาที่อยู่เมืองไทยก็ยังคงหาเงินให้ตัวเองอยู่ในทุก ๆ วัน

__________________
Page 1 of 1  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard