Pasalao

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ແນວນີ້ລະ ເປັນຫັຍງຄົນລາວເຮົາຈຶ່ງຊັງຕົນໄທຍ(ບາງກຸ່ມ)
Anonymous

Date:
ແນວນີ້ລະ ເປັນຫັຍງຄົນລາວເຮົາຈຶ່ງຊັງຕົນໄທຍ(ບາງກຸ່ມ)




__________________
Anonymous

Date:
RE: ແນວນີ້ລະ ເປັນຫັຍງຄົນລາວເຮົາຈຶ່ງຊັງຕົນໄທຍ(ບາງກຸ່ມ)


There was an apology from University high ranking official. But the video is still in YouTube.



__________________
Anonymous

Date:

พบกับความผิดหวังอีกครั้ง……ผู้ต้องขังปล่อยโฮสงสารลูกเมีย
เมื่อเวลา9.00น.
ศาลจังหวัดอุบลราชธานีหลังมีการไต่สวนขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขัง ลาว แดงทั้งหมด 21
ราย วันนี้ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาติให้ประกัน
เนื่องจากไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงจึงยืนยังตามคำสั่งเดิม
พิเคราะห์แล้วว่าการสืบใกล้จะสิ้นสุดหากให้มีการปล่อยตัวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
ญาติที่มารอคอการปล่อยตัวหวังว่าจะได้อยู่กันเป็นครอบครัวอีกครั้งเมื่อทราบว่าศาลสั่งไม่อนุญาติ
ทนายความเตรียมขอยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง ญาิติที่มารอต่างร้องให้เสียใจ ผิดหวัง
บางรายเหมารถมารอเตรียมรับพ่อของลูกกลับบ้าน
แม่ผู้ต้องขังรายหนึ่งเตรียมเสื้อผ้ามาให้ลูกชายเปลี่ยนเพื่อกลับบ้าน
หลังออกจากศาลเดินทางไปเรือนจำกลางอุบลเพื่อเยี่ยมผู้ต้องขังต่อไป
เมื่อมาถึงเรือนจำญาติต่างพากันบอกข่าวว่าไม่ได้รับอนุญาติให้ประกันตัวทำให้ผู้ต้องขังถึงกับร้องให้เสียใจเพราะว่าสงสารลูกเมียที่ต้องลำบาก
บางราบพยายามทำเข้มแข็งเพื่อไม่ให้ครอบครัวเสียใจไปมากกว่านี้ ส่วนนายก่อแก้ว
พิกุลทองเดินทางมาให้กำลังใจและมอบเงินให้แก่ผู้ต้องขังเป็นจำนวนทั้งหมดหนึ่งหมื่นบาท
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่14 มีนาคม 2554
ทีมทนายเสื้อแดงขอยื่นให้มีการพิจารณาไต่สวนประกอบคำร้องการขอประกันตัวโดยมีพยานทั้งหมด
4 รายที่ให้การ ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายแพทย์เหวง โตจิราการ
ตัวแทนจากเรือนจำกลางจังหวัดอุบลและพ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาท
รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบล
เพื่อให้การรับรองด้วยว่าหากได้รับการประกันจะไม่หลบหนี
ศาลมีคำสั่งขอพิจารณาอีกสองอาทิตย์นัดอีกครั้งวันทร์ที่ 28 มีนาคม 2554(วันนี้)


ผู้ต้องขังทั้ง 21
รายมีอาการเครียดและบางรายป่วยทางจิตเวชแล้วรวมทั้งผู้พิการที่โดนจับมากว่าเก้าเดือนแล้ว

นายสุพจน์ ดวงงาม อายุ 63 ปี
มีอาชีพเก็บของเก่าไม่มีครอบครัวและยังเป็นผู้พิการเนื่องจากป่วยเป็นโรครูมาตอยด์
หลังถูกจับไม่เคยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องทานเพียงยาแก้ปวดเท่ืานั้นเวลามีอาการกำเริบขาจะบวมทำให้เดินลำบาก
บางครั้งเวลาออกศาลต้องใส่โซ่ล่ามขาไว้ทำให้เดินลำบาก
มือที่หงิกก็สืบเนื่องมาจากอาการของโรคเช่นเดียวกันอีกทั้งอายุมากแล้ว
ปัจจุบันมีเพียงน้องสาวทีคอยดูแลเท่านั้น


นายธนูศิลปฺ ธนูทอง อายุ 53 ปี
ถูกจับเพียงเพราะหน้าเหมือนคนในหมายจับทั้งๆทีวันเกิดเหตุทำนาอยู่ที่บ้าน
ปกติมีอาชีพทำนาไม่เคยมาาร่วมการชุมุมเพราะบ้านอยู่ไกลกว่าร้อยโลอีกทั้งต้องเลี้ยงดูลูกอีกสามคน
”น้องปลาย”
ลูกชายคนเล็กอายุเพียงแปดขวบมารอพ่อที่ศาลทุกครั้งเพราะหวังว่าพ่อจะได้ออกมาอยู่ด้วยกัน


นายถาวร แสนทวีสุข อายุ 33ปี ประกอบอาชีพขับรถรับจ้าง
ต้องจากลูกสาวตัวน้อยมาตั้งแต่อายุได้เพียง1ขวบครึ่ง
จนทุกวันนี้อายุได้2ขวบกว่าแล้ว
ช่วงแรกเมื่อมาเยี่ยมพ่อที่เรือนจำก็มีความกลัวเพราะว่าห่างเหินกันมานานอีกทั้งต้องคุยกันผ่านลูกกรง


นายสนอง เกตุสุวรรณ อาชีพรับจ้าง มีลูกชายวัย
11ปีและลูกสาวอายุ18ปีที่ต้องออกจากโรงเรียนหลังจากพ่อเข้าเรือนจำต้องออกมาหางานช่วยเลี้ยงน้อง
ครอบครัวต้องลำบากเนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอบ้านที่ต้องเช่าไม่มีค่าเช่าทำให้ต้องเกือบโดนเจ้าของมาไล่หลาายครั้งแต่ก็ต้องขอร้องเขาเพราะว่าลำบากจริงๆ
หากไม่ให้อยู่แล้วจะไปอยู่ที่ใหน

ผู้ต้องขังทั้ง 21
รายต่างต้องตกระกำลำบากหาใช่เพียงคนในเรือนจำเท่านั้นแต่คนในครอบครัวต่างต้องทุกข์ทั้งกายและใจ
…ไม่รู้ว่าต้องทนไปอีกนานแค่ใหน ใครมีคำตอบเล่าช่วยบอกที

(คดีความยังอยู่ในระหว่างสืบพยานฝ่ายโจทย์และยังคงไม่สิ้นสุด)
(จังหวัดอุดรธานียังคงจับผู้ต้องหาเพิ่มอีกจาก 21 รายเพิ่มเป็น27รายแล้ว)


__________________
Lao Oubol

Date:

ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปวินัจฉัย “หมิ่นกษัตริย์ไม่ใช่อาชญากรรม”
แปลจากหนังสือพิมพ์การ์เดียน

ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปพิพากษาให้รัฐสเปนชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้นำแบ่งแยกดินแดนแคว้นบาสก์ นาย Arnaldo Otegi หลังจากผิดพลาดตัดสินลงโทษจำคุกนาย Arnaldo Otegi ในความผิดฐานหมิ่นกษัตริย์ฆวน คาร์ลอส

ศาลเมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) วินิจฉัยในวันอังคารว่า รัฐสเปนจะต้องจ่ายเงินจำนวน 23,000 ยูโร (หรือเกือบ20,000ปอนด์) เพื่อเป็นค่าสินไหมทดแทนต่อการละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของนาย Arnaldo Otegi หลังจากที่เขากล่าวหาว่ากษัตริย์สเปนปกป้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทรมานผู้ต้องหา

นาย Otegi แสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นและปิดหนังสือพิมพ์ภาษาบาสก์ ที่ชื่อว่าหนังสือพิมพ์ Egunkaria ในเดือนกุมภาพันธ์ 2546 โดยบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ นาย Martxelo Otamendi และผู้บริหารคนอื่นอ้างว่าพวกเขาถูกซ้อมทรมาน เมื่อกษัตริย์ฆวน คาร์ลอส เดินทางเยือนประเทศบาสก์ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นาย Otegi กล่าวว่า ในฐานะที่ดำรง“ผู้นำสูงสุดของกองกำลังตำรวจรักษาพลเรือน” กษัตริย์จึงมีฐานะเป็นผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทรมานพนักงานหนังสือพิมพ์ Egunkaria ด้วย

นาย Otegi อ้างว่ากษัตริย์ “ปกป้องการทรมานและใช้ระบอบราชาธิปไตยของกษัตริย์บังคับประชาชนด้วยวิธีการทรมานและรุนแรง” สามปีหลังจากนั้น ศาลสเปนพิพากษาว่าเขามีความผิดฐานหมิ่นกษัตริย์ และให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี แต่ให้รอลงอาญา รวมถึงให้จ่ายค่าดำเนินคดีด้วย

แต่ศาลเมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) วินิจฉัยว่านาย Otegi มีสิทธิในฐานะนักการเมืองที่จะแสดงความคับข้องใจต่อกษัตริย์ แม้ว่าข้อกล่าวหาเรื่องการทรมานจะไม่เคยถูกพิสูจน์ก็ตาม

ผู้พิพากษาศาลเมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) วินิจฉัยว่า ข้อคิดเห็นของนาย Otegi “เป็นการแสดงความเห็นในฐานะสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งและโฆษกของกลุ่มรัฐสภา ในประเด็นเกี่ยวกับการปิดหนังสือพิมพ์ Egunkaria ครั้งล่าสุด และเป็นการวิจารณ์การถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม”

ศาลยอมรับว่าข้อคิดเห็นของนายOtegi “อาจทำให้เกิดการถกเถียงของสาธารณชนในวงกว้าง โดยเข้าใจว่าหน่วยงานความมั่นคงของรัฐอาจมีส่วนรับผิดชอบต่อการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม”

เมื่อปีที่แล้วผู้พิพากษาสเปนได้ตัดสินยกฟ้องคดีที่กล่าวหานาย Otamendi และผู้บริหารหนังสือพิมพ์ Egunkaria ว่าสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนบาสก์ แต่คำตัดสินสายเกินกว่าที่จะรักษาหนังสือพิมพ์ Egunkaria ไว้ได้

เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ตำรวจรักษาพลเรือนสี่นายถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทรมานสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนบาสก์ที่ทำให้พลเมืองสองรายเสียชีวิตด้วยการวางระเบิดที่สนามบินบาราคัส ณ กรุงมาดริดในปี 2549

นายOtegi คือหนึ่งในกลุ่มผู้นำแบ่งแยกดินแดงและปัจจุบัน เขาพยายามโน้มน้าวให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนบาสก์เลิกใช้ยุทธวิธีการก่อการร้ายที่ใช้มากว่าสี่ทศวรรษ


__________________
Anonymous

Date:

สุเทพระบุผู้ชุมนุมวิ่งเข้าใส่กระสุนปืนเอง
ลอนดอน วันที่ 9 มีนาคม 2554—เอเอสทีวีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 5 มีนาคมว่า รองนายกรัฐมนตรีสุเทพ เทือกสุบรรณกล่าวถึงการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในเดือนเมษายนและพฤษภาคมเมื่อปี 2553 โดยมีใจความว่า “เราไม่คิดเข่นฆ่าประชาชน ไม่เคยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้าสลายการชุมนุม แต่ที่ตาย เพราะวิ่งเข้ามาใส่”

และนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ตอบโต้นายสุเทพว่า

“เราขอแสดงจุดยืนที่ชัดเจนตรงนี้ว่า ข้อเท็จจริงคือประชาชนไทยทั้ง 91 ไม่ได้วิ่งเข้ามาใส่ลูกกระสุนที่สังหารพวกเขา แต่กระสุนเหล่านั้นต่างหากที่ถูกกองทัพและตำรวจใช้ระดมยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธและไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหลบหนีเข้าไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย” นายอัมสเตอร์ดัมกล่าว “เมื่อรัฐเห็นว่าการเรียกร้องสิทธิประชาธิปไตยเป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย แล้วอย่างนี้ ผู้ถูกกระทำจะคาดหวังความยุติธรรมจากศาลของพวกเขาอย่างไร?” เวลานี้การไต่สวนที่อิสระในเหตุการณ์สังหารหมู่กรุงเทพมหานครเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน อย่างไม่ต้องสงสัยเลย โดยเฉพาะหลังจากที่คำกล่าวที่ไม่น่าให้อภัยและน่าชิงชังของรองนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยถูกเผยแพร่

นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวต่อว่า “หลังจากเหตุการณ์การสังหารประชาชนจำนวนมากผ่านมาเกือบปี แต่รัฐบาลยังคงไม่ทำการสอบสวนให้แล้วเสร็จ หรือนำตัวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมารับผิด แต่กลับเลื่อนตำแหน่งให้เหล่าสถาปนิกผู้สร้างความรุนแรง มันถึงเวลาแล้วที่นายสุเทพจะเลิกอ่านตำราของกัดดาฟี่เรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และเริ่มตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่มีมานานแล้ว

รองนายกรัฐมนตรีสุเทพ ซึ่งมีหน้าที่รักษาความเรียบร้อยภายในประเทศและนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เป็นหนึ่งในบุคคลที่จะถูกพรรคฝ่ายค้านลงติไม่ไว้วางใจในสภา การอภิปรายจะมีขึ้นในอาทิตย์นี้ และจะมีการอภิปรายถึงข้อกล่าวหาที่ระบุในคำร้องของคนเสื้อแดงต่อศาลอาญาระหว่างประเทศที่ยื่นในวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมาด้วย

ท่านใดที่สนใจ สามารถอ่านคำร้องศาลอาญาระหว่างประเทศได้ที่

http://robertamsterdam.com/thai/?p=683
8
มี.ค.ถ้าศาลอาญาระหว่างประเทศพิจารณากรณีลิเบียได้ ประเทศไทยก็อาจมีโอกาสเช่นกัน
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้นำเหตุการณืในลิเบียขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยการร้องขอให้สำนักงานอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเปิดพิจารณาคดีที่อาจเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งรัฐบาลกัดดาฟี่กระทำต่อกลุ่มผู้ประท้วง ท่าทีของคณะมนตรีความมั่นคงต่อประเทศลิเบียแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้และท้าทายความพยายามของเราที่จะนำรัฐบาลไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในกรณีของเหตุการณ์สังหารประชาชนในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปี 2553

องค์กรฮิวแมนไรต์วอซซ์ระบุว่า การนำคดีลิเบียขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นการส่งข้อสัญญาณชัดเจนต่อผู้นำเผด็จการในภูมิภาคดังกล่าว “ประชาคมโลกจะไม่อดทนต่อการปราบปรามที่เลวทรามต่อการชุมนุมที่สงบอีกต่อไป” ซึ่งเป็นสัญญาณที่เราเคยหวังว่าประชาคมโลกจะมีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเอปีที่แล้ว แน่นอนคำร้องที่เรายื่นต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเมื่อหกอาทิตย์ที่แล้วก่อให้เกิดการอภิปรายถึงความเป็นไปได้ที่คณะมนตรีความมั่นคงจะหยิกยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของอำนาจการพิจารณาคดีศาล การที่ประเทศไทยไม่ได้ให้สัตยาบันต่อบทบัญญัติศาลอาญาระหว่างประเทศไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าผู้นำไทยจะรอดพ้นจากการดำเนินคดีของอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยรอดพ้นจากควารับผิดตราบเท่าที่คณะมนตีความมั่นคงหันไปสนใจเรื่องอื่นอยู่

การที่คณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจที่จะร้องทุกข์ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในกรณีของประเทศไทยไม่ได้หมายความว่าเขาควรจะทำหรือจะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของสถานการณ์ในลิเบียและไทยนั้นเป็นเพียงเรื่องความร้ายแรง แต่ไม่ใช่ประเภทของเหตุการณ์ แน่นอนที่สุดว่ากองทัพไทยไม่ได้ใช้เครื่องบินทิ้งทุ่นระเบิดใส่ประชาชนเหมือนที่รัฐบาลกัดดาฟี่ทำ แต่ “เขตใช้กระสุนจริง” การลอบสังหาร และการใช้พลซุ่มยิงของรัฐบาลไทยก็เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ตามมาตรฐานการควบคุมฝูงชน นอกจากนี้ แม้สมมุติว่าว่า มีการยอมรับว่าคนเสื้อแดงเป็นคนก่อจลาจลและทำลายอาคารในเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว (ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ยอมรับว่าเป็นความจริง) แต่การกระทำนี้ดูจืดชืดไปถนัดตาเมื่อเทียบกับการชุมนุมโดยใช้อาวุธของกลุ่มผู้ประท้วงในลิเบีย

เราควรกล่าวด้วยว่าการแสดงละครทุกฉากและการตอบโต้ต่อประชาคมโลกของกัดดาฟี่นั้นเหมือนกับสิ่งที่รัฐบาลไทยกระทำทุกอย่าง แม้จะมีหลักฐานที่ระบุตรงข้ามกับสิ่งที่เขาพูด แต่กัดดาฟี่ยังอ้างว่า “ประชาชนทุกคน” รักเขา และระบุว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเข้าหน้าที่ต่างชาติ ผู้ก่อการร้าย ม๊อบที่ถูกจ้างมา และเป็นเยาวชนที่ถูกล่อลวงให้หลงผิดในความคิดประหลาด หรือใช้สารเสพติดหลอนประสาท เมื่อถูกสื่อต่างชาติถามด้วยคำถามยากๆ กัดดาฟี่จ้างโฆษกที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเพื่อจะประณามอคติของหนังสือพิมพ์ต่างชาติ และยังพูดอย่างซ้ำซากว่าคนต่างชาติไม่เข้าใจลิเบีย พูดอีกนัยหนึ่งคือ รัฐบาลลิเบิยกำลังขายนิยายเรื่องเดียวกับที่รัฐบาลไทยพยายามเร่ขายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่แตกต่างคือ ตอนนี้ ไม่มีใครเชื่อเรื่องดังกล่าวแล้ว ปัญหาคือ ขณะที่กัดดาฟี่เพิ่งจะสร้างนิยายและสร้างความเห็นใจต่อต่างชาติเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่รัฐไทยกลับสร้างและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาติในศิลปะดังกล่าวมาหลายสิบปีแล้ว

เนื่องจากระดับของความรุนแรงในไทย ความเป็นไปได้ที่คณะมนตรีความมั่นคงจะหยิบยกกรณีประเทศไทยต่อศาลอาญาระหว่างประเทศจึงห่างไกล เพราะในลิเบียนั้น จำนวนประชาชนที่ถูกสังหารอาจมีราวหลายพันราย ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่เคยรับพิจารณากรณีความรุนแรงของรัฐที่จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกล่าวพันราย แลอีกกรณีหนึ่งคือ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติมีสมาชิกถาวรสองประเทศ ที่รัฐบาลของประเทศนั้นไม่ลังเลที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามนับน้อยเพื่อจะอยู่ในอำนาจหากจำเป็น

เรารับทราบเรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะยื่นคำร้อง และนั้นคือสาเหตุที่เรายกประเด็นที่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง (การที่นายมาร์ค อภิสิทธิ์เป็นพลเมืองอังกฤษ) ขององค์ประกอบพื้นฐาน ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศอาจจะรับพิจารณาคดีโดยไม่ต้องได้รับคำร้องทุกข์จากคณะมนตรีความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับพิจารณาคดีหรือไม่ แต่หนทางการพยายามกดดันให้ผู้นำไทยรับผิดผ่านประชาคมโลกเป็นหนทางที่คุ้มค้า เพราะ ประการแรกคือ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศไทยที่เจ้าหน้าที่รัฐมักได้รับการละเว้นความผิดต่อการสังหารหมู่ในแบบเดียวกัน และในปัจจุบันมีการพยายามเปลี่ยนดำให้เป็นขาว ศาลอาญาระหว่างประเทศจึงยังเป็นความหวังที่ดีที่สุดที่จะนำตัวเหล่านายพลและตำรวจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล ประการที่สองคือ ความลังเลที่จะเรียกร้องความจริงความไม่เต็มใจและกระตือรือร้นที่จะทำการสอบสวนเหตุการณ์ของสื่อไทย และ(ในกรณีของสื่อภาษาอังกฤษ) ยังพยายามปกป้องประเพณีการละเว้นโทษ ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญากที่จะรวบรวมหลักฐานเพื่อโต้แย้งเรื่องโกหกของรัฐบาลและเปิดเผยความว่างเปล่าของสัญญาเรื่อง “การปรองดองสมานฉันท์” หากคอลัมน์ “the world’s window to Thailand” (หน้าต่างโลกสู่ประเทศไทย) เป็นคติของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์แล้วล่ะก็ โลกน่าจะต้องการหน้าต่างใบใหม่ เพราะสื่อนี้มักจะกระจายการโฆษณาประชาสัมพันธ์จากรัฐบาล กระตุ้นความรุนแรง ยกย่องการสังหาร และสนับสนุนประเพณีการละเว้นความผิด ปกป้องนโยบายการลิดรอนเสรีภาพสื่อ หรือเพ้อฝันถึงระบอบเทวาธิปไตยเป็นประจำ

การจะหยุดยั้งประเพณีการละเว้นความผิดในประเทศไทยหรือที่ไหนก็ตามเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องหาความเป็นธรรมของคนเสื้อแดง เปิดโอกาสให้ประชาคมโลกส่งสารที่ชัดเจนว่าการที่รัฐหลายรัฐสังหารประชาชนจำนวนปานกลางเพื่อจะปกป้องอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่รับไม่ได้เช่นเดียวกับการสังหารประชาชนจำนวนมาก ท้ายที่สุดแล้ว หากเผด็จการเชื่อว่าประชาคมโลกจะบังคับให้เขาต้องรับผิดแม้มีการสังหารประชาชนหลักสิบก็ตาม ความคาดหวังหวังในการรับผิดอาจเพิ่มขึ้น และนำไปสู่การลดจำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยและมีคนตายรวมกันจนถึงหลักพัน


__________________
Anonymous

Date:

ถ้าศาลอาญาระหว่างประเทศพิจารณากรณีลิเบียได้ ประเทศไทย และ สปปล ก็อาจมีโอกาสเช่นกัน
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้นำเหตุการณืในลิเบียขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยการร้องขอให้สำนักงานอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเปิดพิจารณาคดีที่อาจเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งรัฐบาลกัดดาฟี่กระทำต่อกลุ่มผู้ประท้วง ท่าทีของคณะมนตรีความมั่นคงต่อประเทศลิเบียแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้และท้าทายความพยายามของเราที่จะนำรัฐบาลไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในกรณีของเหตุการณ์สังหารประชาชนในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปี 2553

องค์กรฮิวแมนไรต์วอซซ์ระบุว่า การนำคดีลิเบียขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นการส่งข้อสัญญาณชัดเจนต่อผู้นำเผด็จการในภูมิภาคดังกล่าว “ประชาคมโลกจะไม่อดทนต่อการปราบปรามที่เลวทรามต่อการชุมนุมที่สงบอีกต่อไป” ซึ่งเป็นสัญญาณที่เราเคยหวังว่าประชาคมโลกจะมีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเอปีที่แล้ว แน่นอนคำร้องที่เรายื่นต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเมื่อหกอาทิตย์ที่แล้วก่อให้เกิดการอภิปรายถึงความเป็นไปได้ที่คณะมนตรีความมั่นคงจะหยิกยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของอำนาจการพิจารณาคดีศาล การที่ประเทศไทยไม่ได้ให้สัตยาบันต่อบทบัญญัติศาลอาญาระหว่างประเทศไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าผู้นำไทยจะรอดพ้นจากการดำเนินคดีของอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยรอดพ้นจากควารับผิดตราบเท่าที่คณะมนตีความมั่นคงหันไปสนใจเรื่องอื่นอยู่

การที่คณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจที่จะร้องทุกข์ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในกรณีของประเทศไทยไม่ได้หมายความว่าเขาควรจะทำหรือจะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของสถานการณ์ในลิเบียและไทยนั้นเป็นเพียงเรื่องความร้ายแรง แต่ไม่ใช่ประเภทของเหตุการณ์ แน่นอนที่สุดว่ากองทัพไทยไม่ได้ใช้เครื่องบินทิ้งทุ่นระเบิดใส่ประชาชนเหมือนที่รัฐบาลกัดดาฟี่ทำ แต่ “เขตใช้กระสุนจริง” การลอบสังหาร และการใช้พลซุ่มยิงของรัฐบาลไทยก็เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ตามมาตรฐานการควบคุมฝูงชน นอกจากนี้ แม้สมมุติว่าว่า มีการยอมรับว่าคนเสื้อแดงเป็นคนก่อจลาจลและทำลายอาคารในเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว (ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ยอมรับว่าเป็นความจริง) แต่การกระทำนี้ดูจืดชืดไปถนัดตาเมื่อเทียบกับการชุมนุมโดยใช้อาวุธของกลุ่มผู้ประท้วงในลิเบีย

เราควรกล่าวด้วยว่าการแสดงละครทุกฉากและการตอบโต้ต่อประชาคมโลกของกัดดาฟี่นั้นเหมือนกับสิ่งที่รัฐบาลไทยกระทำทุกอย่าง แม้จะมีหลักฐานที่ระบุตรงข้ามกับสิ่งที่เขาพูด แต่กัดดาฟี่ยังอ้างว่า “ประชาชนทุกคน” รักเขา และระบุว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเข้าหน้าที่ต่างชาติ ผู้ก่อการร้าย ม๊อบที่ถูกจ้างมา และเป็นเยาวชนที่ถูกล่อลวงให้หลงผิดในความคิดประหลาด หรือใช้สารเสพติดหลอนประสาท เมื่อถูกสื่อต่างชาติถามด้วยคำถามยากๆ กัดดาฟี่จ้างโฆษกที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วเพื่อจะประณามอคติของหนังสือพิมพ์ต่างชาติ และยังพูดอย่างซ้ำซากว่าคนต่างชาติไม่เข้าใจลิเบีย พูดอีกนัยหนึ่งคือ รัฐบาลลิเบิยกำลังขายนิยายเรื่องเดียวกับที่รัฐบาลไทยพยายามเร่ขายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่แตกต่างคือ ตอนนี้ ไม่มีใครเชื่อเรื่องดังกล่าวแล้ว ปัญหาคือ ขณะที่กัดดาฟี่เพิ่งจะสร้างนิยายและสร้างความเห็นใจต่อต่างชาติเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่รัฐไทยกลับสร้างและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาติในศิลปะดังกล่าวมาหลายสิบปีแล้ว

เนื่องจากระดับของความรุนแรงในไทย ความเป็นไปได้ที่คณะมนตรีความมั่นคงจะหยิบยกกรณีประเทศไทยต่อศาลอาญาระหว่างประเทศจึงห่างไกล เพราะในลิเบียนั้น จำนวนประชาชนที่ถูกสังหารอาจมีราวหลายพันราย ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่เคยรับพิจารณากรณีความรุนแรงของรัฐที่จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกล่าวพันราย แลอีกกรณีหนึ่งคือ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติมีสมาชิกถาวรสองประเทศ ที่รัฐบาลของประเทศนั้นไม่ลังเลที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามนับน้อยเพื่อจะอยู่ในอำนาจหากจำเป็น

เรารับทราบเรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะยื่นคำร้อง และนั้นคือสาเหตุที่เรายกประเด็นที่เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง (การที่นายมาร์ค อภิสิทธิ์เป็นพลเมืองอังกฤษ) ขององค์ประกอบพื้นฐาน ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศอาจจะรับพิจารณาคดีโดยไม่ต้องได้รับคำร้องทุกข์จากคณะมนตรีความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับพิจารณาคดีหรือไม่ แต่หนทางการพยายามกดดันให้ผู้นำไทยรับผิดผ่านประชาคมโลกเป็นหนทางที่คุ้มค้า เพราะ ประการแรกคือ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศไทยที่เจ้าหน้าที่รัฐมักได้รับการละเว้นความผิดต่อการสังหารหมู่ในแบบเดียวกัน และในปัจจุบันมีการพยายามเปลี่ยนดำให้เป็นขาว ศาลอาญาระหว่างประเทศจึงยังเป็นความหวังที่ดีที่สุดที่จะนำตัวเหล่านายพลและตำรวจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล ประการที่สองคือ ความลังเลที่จะเรียกร้องความจริงความไม่เต็มใจและกระตือรือร้นที่จะทำการสอบสวนเหตุการณ์ของสื่อไทย และ(ในกรณีของสื่อภาษาอังกฤษ) ยังพยายามปกป้องประเพณีการละเว้นโทษ ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญากที่จะรวบรวมหลักฐานเพื่อโต้แย้งเรื่องโกหกของรัฐบาลและเปิดเผยความว่างเปล่าของสัญญาเรื่อง “การปรองดองสมานฉันท์” หากคอลัมน์ “the world’s window to Thailand” (หน้าต่างโลกสู่ประเทศไทย) เป็นคติของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์แล้วล่ะก็ โลกน่าจะต้องการหน้าต่างใบใหม่ เพราะสื่อนี้มักจะกระจายการโฆษณาประชาสัมพันธ์จากรัฐบาล กระตุ้นความรุนแรง ยกย่องการสังหาร และสนับสนุนประเพณีการละเว้นความผิด ปกป้องนโยบายการลิดรอนเสรีภาพสื่อ หรือเพ้อฝันถึงระบอบเทวาธิปไตยเป็นประจำ

การจะหยุดยั้งประเพณีการละเว้นความผิดในประเทศไทยหรือที่ไหนก็ตามเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องหาความเป็นธรรมของคนเสื้อแดง เปิดโอกาสให้ประชาคมโลกส่งสารที่ชัดเจนว่าการที่รัฐหลายรัฐสังหารประชาชนจำนวนปานกลางเพื่อจะปกป้องอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่รับไม่ได้เช่นเดียวกับการสังหารประชาชนจำนวนมาก ท้ายที่สุดแล้ว หากเผด็จการเชื่อว่าประชาคมโลกจะบังคับให้เขาต้องรับผิดแม้มีการสังหารประชาชนหลักสิบก็ตาม ความคาดหวังหวังในการรับผิดอาจเพิ่มขึ้น และนำไปสู่การลดจำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยและมีคนตายรวมกันจนถึงหลักพัน

Read more from สปปล + ประเทศไทย, สิทธิมนุษยชน

__________________
lao in Washington

Date:

ປັດຈຸບັນ ທາງການລາວ ກຳລັງກະຕຽມ ການເລືອກຕັ້ງ ຢ່າງຈິງຈັງ; ໃນຂັ້ນສູນກາງ ຄນະກັມມະການ ເລືອກຕັ້ງແຫ່ງຊາດ ກໍໄດ້ຈັດ ງົບປະມານ ໃຫ້ແກ່ ຄນະກັມມະການ ເລືອກຕັ້ງທ້ອງຖິ່ນ ເພື່ອຈັດການເລືອກຕັ້ງ; ແຕ່ບັນຫາ ມີຢູ່ວ່າ ງົບປະມານ ທີ່ໄດ້ຮັບນັ້ນ ບໍ່ພຽງພໍກັບ ຄວາມຕ້ອງການ. ສ່ວນໃນຂັ້ນທ້ອງຖິ່ນ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ທີ່ກ່ຽວຂ້ອງກໍ ກຳລັງສຳຣວດ ກວດກາຈຳນວນຄົນ ແລະ ສຳມະໂນຄົວ ເພື່ອຢາກຮູ້ຈຳນວນ ຜູ້ມີສິດ ບ່ອນບັດເລືອກຕັ້ງ ດັ່ງເຈົ້າໜ້າທີ່ ເຂດເມືອງຈຳພອນ ແຂວງສວັນນະເຂດ ອະທິບາຍວ່າ:... ສຽງ... ນອກຈາກນັ້ນ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ທາງຂັ້ນສູນກາງ ແລະທ້ອງຖິ່ນ ກໍກຳລັງໂຄສະນາ ປູກຣະດົມ ໃຫ້ປະຊາຊົນ ໄປໃຊ້ສິດ ບ່ອນບັດເລືອກຕັ້ງ ໃຫ້ຫລາຍ ເທົ່າທີ່ຈະຫລາຍໄດ້.

ອີກວຽກນຶ່ງ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ຈະສົ່ງຮູບ ຜູ້ສມັກອອກໄປ ແຕ່ລະເຂດເລືອກຕັ້ງ ເພື່ອໃຫ້ປະຊາຊົນ ໄດ້ຮູ້ໄດ້ເຫັນ; ໃນຂນະດຽວກັນ ຜູ້ສມັກຈະເລິ້ມ ໂຄສະນາຫາສຽງ ຫລືໄປພົບປະ ໂອ້ລົມ ກັບປະຊາຊົນ ນັບແຕ່ຕົ້ນ ເດືອນເມສາ ນີ້ເປັນຕົ້ນໄປ.

ທາງການລາວ ຈະຈັດໃຫ້ມີ ການເລືອກເອົາ ສະມາຊິກ ສະພາແຫ່ງຊາດ ໃນວັນທີ່ 30 ເດືອນເມສາ ນີ້ ແລະ ຕາມກົດໝາຍ ການເລືອກຕັ້ງ ຜູ້ສມັກຈະມີສິດ ໂຄສະນາຫາສຽງ ນັບແຕ່ວັນ ທີ່ 1 ເມສາ ເປັນຕົ້ນໄປ.

__________________
Anonymous

Date:

ການປາບໄມ້ເຖື່ອນໃນລາວ
ໂພໄຊສວັດ
2011-03-29

ສປປລາວ ມີຄວາມຄືບໜ້າ ໃນການ ປາບປາມ ການຕັດໄມ້ເຖື່ອນ ແລະ ການ ສໍ້ຣາສບັງຫລວງ ໃນພາກປ່າໄມ້.

ກົດຟັງສຽງ

ໃນຕົ້ນເດືອນ ມີນາ 2011 ເຈົ້າໜ້າທີ່ຄຸ້ມຄອງ ກວດກາປ່າໄມ້ ສາມາດຍຶດ ຣົດບັນທຸກ ໄມ້ເຖື່ອນໄດ້ ຈໍານວນ 33 ຄັນ ທີ່ຂົນໄມ້ເຖື່ອນ ແລະ ຜລິຕພັນໄມ້ ປະມານ 660 ແມັດກ້ອນ. ໄມ້ເຖື່ອນ ແລະຜລິຕ ພັນໄມ້ ຄາດວ່າມີ ມູນຄ່າ 250,000 ໂດລາ ສະຫະຣັຖ ຫາກຖືກສົ່ງ ເຖິງປາຍທາງ.

ປ່າໄມ້ ມີຄວາມສຳຄັນ ຢ່າງໃຫຍ່ຫລວງຕໍ່ ສປປລາວ, ປະຊາຊົນ ພົລເມືອງ ຮອດ 80 ສ່ວນຮ້ອຍ ຕ້ອງໄດ້ເພິ່ງພາ ອາສັຍປ່າໄມ້ ເພື່ອຫາລາຍຮັບ ໃຫ້ກັບຄອບຄົວ, ເປັນທັງແຫລ່ງ ອາຫານການກິນ, ເປັນບ່ອນຢູ່ອາສັຍ, ເປັນແຫລ່ງຫວ້ານຢາ ພື້ນເມືອງ ຮວມແລ້ວຄືເປັນບ່ອນ ຊຸບລ້ຽງຊີວິດ.

ຫລາຍປະເທດ ໃນພູມີພາກ ເອເຊັຍຕາເວັນອອກ ສ່ຽງໃຕ້ ກຳລັງປະເຊີນ ກັບການທ້າທາຍ ຈາກການຕັດໄມ້ ທຳລາຍປ່າ ການຕັດໄມ້ເຖື່ອນ ຍ້ອນວ່າໄມ້ແປຮູບ ມີຄ່າຢ່າງ ມະຫາສານ. ທະນາຄານໂລກ ຄາດວ່າ ໃນແຕ່ລະປີ ຄວາມເສັຍຫາຍ ຈາກການ ຕັດໄມ້ທຳລາຍປ່າ ແບບຜິດກົດໝາຍ ໃນທົ່ວໂລກ ຕົກເປັນເງິນ ປະມານ 10 ຕື້ໂດລາ ສະຫະຣັຖ, ຍ້ອນວ່າການຕັດໄມ້ ທຳລາຍປ່າ ເຮັດໃຫ້ປ່າໄມ້ ເສັຍຫາຍວອດວາຍ ທັງຍັງທຳລາຍ ຝູງສັດທີ່ອາສັຍ ປ່າໄມ້ເປັນ ບ່ອນຢູ່ອາສັຍ ຈໍາຕ້ອງສູນພັນໄປ ເປັນຈຳນວນຫລວງຫລາຍ.

ຣັຖບານ ສປປລາວ ໄດ້ມີນະໂຍບາຍ ອອກກົດໝາຍຕໍ່ຕ້ານ ປາບປາມ ການຕັດໄມ້ທຳລາຍປ່າ ແລະ ເຮັດໃຫ້ມີການ ບໍຣິຫານປ່າ ມີຄວາມຍືນຍົງ ໂດຍການສ້າງ ຈິດສຳນຶກ ໃນຊຸມຊົນ ແລະ ສົ່ງເສີມລະບົບ ການກວດກາສິ້ງຊອມ.

ທະນາຄານໂລກ ຮ່ວມກັບ ຣັຖບານລາວ ພາຍໃນ 10 ປີຜ່ານມາ ໄດ້ພຍາຍາມ ສົ່ງເສີມ ການບໍຣິຫານ ແລະ ປົກປັກຮັກສາປ່າໄມ້, ນອກຈາກນີ້ ທະນາຄານໂລກ ກັບ ຣັຖບານຟິນແລນ ຍັງໄດ້ຮ່ວມກັນ ຈັດຕັ້ງໂຄງການ ປ່າໄມ້ຍືນຍົງ ເພື່ອການພັທນາ ເຂດຊົນນະບົດ.


__________________
Anonymous

Date:

ສປປລຈະເຮັດໃຫ້ ກົດໝາຍສັກສິດ


ທ. ໄຊສົມພອນ ພົມວິຫານ (ລູກບັກໄກສອນ)ຮອງປະທານ ສະພາແຫ່ງຊາດ ສປປລາວ ກ່າວວ່າ ສະພາແຫ່ງຊາດ ເປັນສະຖາບັນ ທີ່ຕາງໜ້າ ປະຊາຊົນ ຊື່ງມີໜ້າ ສີ້ງຊອມເບິ່ງ ການບໍຣິຫານ ປະເທດ ຂອງຣັຖບານ..ແລະ ບອກວ່າ ສປປລຈະເຮັດໃຫ້ ກົດໝາຍສັກສິດ

ໂຄດແມ່ມືງເອີຍ

36 ຜ່ານມາມາ ໂຄດແມ່ມືງ ໃຊ້ກົດຫມາຍເຖື່ອນ ໃນການຄອງເມືອງຫລືນີ້

__________________
Anonymous

Date:

ชาวลาว ที่ ล้านนา และ ภาค ตวอฉหน ปานใด ขี ลุกขื้น บีบหำโจร สยามละ
ชาวลาว ที่ ล้านนา และ ภาค ตวอฉหน ปานใด ขี ลุกขื้น บีบหำโจร สยามละ
ชาวลาว ที่ ล้านนา และ ภาค ตวอฉหน ปานใด ขี ลุกขื้น บีบหำโจร สยามละ

ให้พวกสุ ด่า และ ดููถูก ลาว พวก กู ไปเลื้อยๆ 40 ก่วา ล้านคน หมดความอดทนเมื่อไร
โคตรแม่มืงไม่มีแผ่นดีนจะ ช้นแล้ว


กลู่มแบ่งแยกดีนแดน ชาวมาแล มูสลีม ภาค ใต้ดักฆ่า นอภ.ยิงดวล

สนั่นป่ารือเสาะ ล่าจับทันควัน2



ดวลเดือด - นายวัชรศักดิ์ จุลยานนท์ นายอำเภอรือเสาะ จ.นราธิวาส ให้การนาทีระทึกถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถกระบะ ก่อนลงไปดวลปืนกับคนร้ายจนเผ่นกระเจิง เหตุเกิดถนนหมู่บ้านบูเก๊ะนากอ ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.


กลู่มแบ่งแยกดีนแดน ชาวมาแล มูสลีม ภาคใต้เหิมดักยิงถล่มนายอำเภอรือเสาะพร้อมปลัดรถพรุนหลังนั่งรถกลับจากงานเมา ลิดเจ้าตัวรอด เจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่าจับได้ 2 ผู้ต้องสงสัยหิ้วสอบเครียดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 มี.ค. พ.ต.อ. สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นรา ธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายดักซุ่มยิงนายวัชรศักดิ์ จุลาญานนท์ นายอำเภอรือเสาะ ที่นั่งรถยนต์กระบะร่วมกับปลัดอาวุโสและอาสาสมัครรักษาดินแดน บนถนนในหมู่บ้านบูเก๊ะนากอ ม.2 ต.ลาโล๊ะ จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับพ.ท.มานิตย์ เผ่าพงษ์จันทร์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 พ.ต.ท.พชรพล ณ นคร รอง ผกก.ป.สภ.รือเสาะ

เมื่อ ถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้แยกกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกไล่ล่าติดตามกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเมาะแต หลังหมู่บ้านจุดเกิดเหตุ และได้เกิดปะทะกับกลุ่มคนร้ายเป็นระลอกๆ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่ทราบความสูญเสีย แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 2 คนไปสอบสวนขยายผลเครียด แต่เจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยถึงรายละเอียด

ส่วนชุดที่ 2 ได้ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุกับพนักงานสอบสวน และพบว่ารถยนต์กระบะ 4 ประตูยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ฌข-1470 กทม. ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งของนายวัชรศักดิ์ นายอำ เภอรือเสาะ จอดเสียหลักอยู่ริมถนน อยู่ในสภาพกระจกหน้า กระจกข้างและประตูด้านคนขับมีร่องรอยถูกกระสุนปืนได้รับความเสียหายและเป็น รูพรุน ส่วนในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงครามเอ็ม 16 และอาก้าตกอยู่ริมชายป่ารกทึบริมถนนจำนวน 2 จุดใหญ่ รวมกว่า 40 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายวัชรศักดิ์ นายอำเภอรือเสาะ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้นั่งรถยนต์ประจำตำแหน่งออกจากบ้านพัก โดยมีนายหฤษฎ์ มาหามะ ปลัดอาวุโส และอส.รวม 6 นาย เพื่อเดินทางไปร่วมงานเมาลิดและงานเข้าสุนัตที่หมู่บ้านพงยือติ ม.9 ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ เมื่อเสร็จภารกิจได้นั่งรถยนต์เพื่อเดินทางกลับที่ว่าการอำเภอ เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ดักซุ่มอยู่ในป่ารกทึบริมทางได้ใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 และอาก้ายิงถล่มใส่รถยนต์ที่ตนนั่งมา จึงได้ตะโกนให้พลขับหยุดรถ และต่างคนต่างวิ่งออกจากรถเพื่อหาที่กำบัง และใช้อาวุธปืนประจำกายของแต่ละคนยิงตอบโต้ใส่กลุ่มคนร้ายจนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงเป็นระลอกๆ จากนั้นจึงได้วิทยุประสานไปยังพ.ต.อ.สะท้านฟ้า ผกก.สภ.รือเสาะ เพื่อขอสนับสนุนกำลังเข้าเสริม และเมื่อผ่านไปประมาณ 15 นาที พ.ต.อ.สะท้านฟ้า นำกำลังถึงที่เกิดเหตุ กลุ่มคนร้ายเห็นจวนตัวจึงได้รีบนำกำลังล่าถอยไป

__________________
Anonymous

Date:




พวกเราต้องช่วยกันเผยแพร่ความจร­ิงเกียวกับความชั่วของทรราชภูมิ­พลสิริกิติ์และระบอบราชา ธต ความหายนะของพวกมันและระบอบ รชธต ขึ้นอยู่กับการตื่นตัวของมาลชนต­่อความจำเป็นที่จะต้องปฎิวัติเพ­ื่อ ความก้าวหน้าของปท (Spread the truth; the demise of Tyrant Bod, Sirikit, and Monarchy System in Thai.. depends on how understand Thai people has toward the necessity of revolution for the progress of Thai..) .

ชาติไทย/ลาวไม่ใช่ที่อยู่ตระกูล­มหิดลอย่างเดียวแต่เป็นที่อยู่ข­องคนไทย/ลาวทุกตระกูล

ใครเชื่อแนวทางใหนชอบวิธีแบบใดก­็ทำไปอย่าข่มคนอื่นไม่เอามต112ม­าบังคับให้ชาวบ้านรัก มี ปทไหมเขาหลอกลวงอย่างนี้ไม่ไปดู­ถูกเพื่อนร่วมทางอย่าไปบังคับให­้เขาคิดเหมือนเรา การทำอย่างนั้นแทนที่จะได้แนวร่­วมจะได้แนวร่วงแทนแต่ข้อสำคัญใค­รโจมตีกันในเรื่องส่วนตัวที่ไม่­ใด้มีผลในการต่อสู้กล่าวหาได้เล­ยว่าไอ้พวกนี้คือผู้ไม่ประสงค์ด­ีต่อขบวนการปชชและน่าจะเป็นลูกน­้องอมาตย์แทรกซึมเข้ามา

ขอให้พี่น้องลาวสีแดงจงมีความรั­กสามัคคี กวาดล้างไอ้ตระกูลอัปรีย์ให้สิ้­นไป พลังจงอยู่กับท่าน ความสำเร็จตามอุดมการณ์จงเป็นขอ­งทุกคน

ตราบใดที่ไอ้ กะสัดนรกตัวนี้ยังอยู่ มันไม่มีทางที่จะคืนอำนาจนั้นให­้กับปชช.มันไม่มีทางที่จะให้สิ่­งที่ ยิ่งใหญ่ตามที่มันตอแหลบอกหรอก เพราะดูจากการใช้วิถึชิวิตตลอดม­าล้วนมีแต่รับมากกว่าให้มากมายน­ัก.แถมบางอย่างไอ้ที่ตัวเองรับม­าตลอดชีวิต ดันกลับหลอกลวงผู้คนว่าตัวเองเป­็นผู้ให้ซะนี่.เป็นฆาตกรตั้งแต่­ยังไม่ได้อำนาจได้อำนาจแล้วก็เป­็นฆาตกรต่อเนื่องโดยใช้อำนาจที่­มีอยู่นั้นทั้งหน้าด้านหน้าทนสา­ระพัดเรื่อง.ฯลฯ

อยากให้ผดกคิดบางอย่างบ้างตายแล­้วเอาไปได้เปล่าอำนาจมีแล้วมีคน­รักจริงอะเปล่าเพื่อนมรึงรักมรึ­งจริงรึเปล่า
-----------------------------
ดร.สุเมธ หมารับใช้ คน ที่ ทำราบนาบน หลัง พี่น้องลาว กู เป็น30+40ล้านคน ร้ำรวย แล้ว อยัวหม้าหมา มาฆ่าพี่น้อง ล า ว กู ที่ ไถนาเลื่ยงโคตรแม่มัน
เล่าวิธีทรงงานของ"สมเด็จพระเทพฯ" ไขเบื้องหลังแบรนด์"ภัทรพัฒน์"

วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 16:30:48 น.
แม้”ภัทรพัฒน์“(PAT PAT) จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเกิดได้แค่ 2 ปีกว่า แต่ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ทำให้มูลนิธิชัยพัฒนาผู้รับผิดชอบ ที่มี”ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เป็นเลขาธิการ เป็นปลื้มเพราะได้ช่วยชาวบ้านให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อันเป็นไปตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี องค์ประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งพระองค์ท่านพระราชทานชื่อ”ภัทรพัฒน์”

ดร.สุเมธย้อนถึงสาเหตุที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีทรงตั้งแบรนด์”ภัทรพัฒน์“ว่า

เนื่องจากสินค้าของชาวบ้านมีจุดอ่อน 2 – 3 ประการคือเมื่อผลิตออกมาแล้วมีปัญหาตลาด อีกทั้งมาตรฐานอะไรต่างๆ ก็ไม่มีการควบคุม ประเด็นที่ 2 ที่เป็นจุดอ่อนคือเรื่องแพคเกจจิ้ง หีบห่ออาจจะไม่ดึงดูดนัก และยุคนี้เรื่องแบรนเป็นเรื่องสำคัญ สินค้าดีไม่ดีพอแบรนด์ดี ๆ ก็อาจจะไปได้ก็ได้ ฉะนั้นเลยเข้าไปแก้ปัญหาตรงนี้ให้กับชาวบ้าน พูดง่าย ๆ ทางมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นตัวกลางแทนชาวบ้านและแทนที่จะเงินเข้ากระเป๋าก็นำ เงินส่วนนั้นให้กับชาวบ้านที่ได้มูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก



__________________
Anonymous

Date:

lao in Washington wrote:

ປັດຈຸບັນ ທາງການລາວ ກຳລັງກະຕຽມ ການເລືອກຕັ້ງ ຢ່າງຈິງຈັງ; ໃນຂັ້ນສູນກາງ ຄນະກັມມະການ ເລືອກຕັ້ງແຫ່ງຊາດ ກໍໄດ້ຈັດ ງົບປະມານ ໃຫ້ແກ່ ຄນະກັມມະການ ເລືອກຕັ້ງທ້ອງຖິ່ນ ເພື່ອຈັດການເລືອກຕັ້ງ; ແຕ່ບັນຫາ ມີຢູ່ວ່າ ງົບປະມານ ທີ່ໄດ້ຮັບນັ້ນ ບໍ່ພຽງພໍກັບ ຄວາມຕ້ອງການ. ສ່ວນໃນຂັ້ນທ້ອງຖິ່ນ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ທີ່ກ່ຽວຂ້ອງກໍ ກຳລັງສຳຣວດ ກວດກາຈຳນວນຄົນ ແລະ ສຳມະໂນຄົວ ເພື່ອຢາກຮູ້ຈຳນວນ ຜູ້ມີສິດ ບ່ອນບັດເລືອກຕັ້ງ ດັ່ງເຈົ້າໜ້າທີ່ ເຂດເມືອງຈຳພອນ ແຂວງສວັນນະເຂດ ອະທິບາຍວ່າ:... ສຽງ... ນອກຈາກນັ້ນ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ທາງຂັ້ນສູນກາງ ແລະທ້ອງຖິ່ນ ກໍກຳລັງໂຄສະນາ ປູກຣະດົມ ໃຫ້ປະຊາຊົນ ໄປໃຊ້ສິດ ບ່ອນບັດເລືອກຕັ້ງ ໃຫ້ຫລາຍ ເທົ່າທີ່ຈະຫລາຍໄດ້.

ອີກວຽກນຶ່ງ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ຈະສົ່ງຮູບ ຜູ້ສມັກອອກໄປ ແຕ່ລະເຂດເລືອກຕັ້ງ ເພື່ອໃຫ້ປະຊາຊົນ ໄດ້ຮູ້ໄດ້ເຫັນ; ໃນຂນະດຽວກັນ ຜູ້ສມັກຈະເລິ້ມ ໂຄສະນາຫາສຽງ ຫລືໄປພົບປະ ໂອ້ລົມ ກັບປະຊາຊົນ ນັບແຕ່ຕົ້ນ ເດືອນເມສາ ນີ້ເປັນຕົ້ນໄປ.

ທາງການລາວ ຈະຈັດໃຫ້ມີ ການເລືອກເອົາ ສະມາຊິກ ສະພາແຫ່ງຊາດ ໃນວັນທີ່ 30 ເດືອນເມສາ ນີ້ ແລະ ຕາມກົດໝາຍ ການເລືອກຕັ້ງ ຜູ້ສມັກຈະມີສິດ ໂຄສະນາຫາສຽງ ນັບແຕ່ວັນ ທີ່ 1 ເມສາ ເປັນຕົ້ນໄປ.


 ກະຕຽມ

ຫາກໍ່ເຫັນຄົນໃຊ້ຄຳອັນນີ້ຂອງພາສາລາວຢ່າງຖືກຕ້ອງທີ່ສຸດ!
ເວົ້າວ່າກະຕຽມຫັ້ນແມ່ນຖືກຕ້ອງດີກ່ອນຈະເວົ້າວ່າກະກຽມ!

 



__________________
Anonymous

Date:

Anonymous wrote:
lao in Washington wrote:

ປັດຈຸບັນ ທາງການລາວ ກຳລັງກະຕຽມ ການເລືອກຕັ້ງ ຢ່າງຈິງຈັງ; ໃນຂັ້ນສູນກາງ ຄນະກັມມະການ ເລືອກຕັ້ງແຫ່ງຊາດ ກໍໄດ້ຈັດ ງົບປະມານ ໃຫ້ແກ່ ຄນະກັມມະການ ເລືອກຕັ້ງທ້ອງຖິ່ນ ເພື່ອຈັດການເລືອກຕັ້ງ; ແຕ່ບັນຫາ ມີຢູ່ວ່າ ງົບປະມານ ທີ່ໄດ້ຮັບນັ້ນ ບໍ່ພຽງພໍກັບ ຄວາມຕ້ອງການ. ສ່ວນໃນຂັ້ນທ້ອງຖິ່ນ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ທີ່ກ່ຽວຂ້ອງກໍ ກຳລັງສຳຣວດ ກວດກາຈຳນວນຄົນ ແລະ ສຳມະໂນຄົວ ເພື່ອຢາກຮູ້ຈຳນວນ ຜູ້ມີສິດ ບ່ອນບັດເລືອກຕັ້ງ ດັ່ງເຈົ້າໜ້າທີ່ ເຂດເມືອງຈຳພອນ ແຂວງສວັນນະເຂດ ອະທິບາຍວ່າ:... ສຽງ... ນອກຈາກນັ້ນ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ທາງຂັ້ນສູນກາງ ແລະທ້ອງຖິ່ນ ກໍກຳລັງໂຄສະນາ ປູກຣະດົມ ໃຫ້ປະຊາຊົນ ໄປໃຊ້ສິດ ບ່ອນບັດເລືອກຕັ້ງ ໃຫ້ຫລາຍ ເທົ່າທີ່ຈະຫລາຍໄດ້.

ອີກວຽກນຶ່ງ ເຈົ້າໜ້າທີ່ ຈະສົ່ງຮູບ ຜູ້ສມັກອອກໄປ ແຕ່ລະເຂດເລືອກຕັ້ງ ເພື່ອໃຫ້ປະຊາຊົນ ໄດ້ຮູ້ໄດ້ເຫັນ; ໃນຂນະດຽວກັນ ຜູ້ສມັກຈະເລິ້ມ ໂຄສະນາຫາສຽງ ຫລືໄປພົບປະ ໂອ້ລົມ ກັບປະຊາຊົນ ນັບແຕ່ຕົ້ນ ເດືອນເມສາ ນີ້ເປັນຕົ້ນໄປ.

ທາງການລາວ ຈະຈັດໃຫ້ມີ ການເລືອກເອົາ ສະມາຊິກ ສະພາແຫ່ງຊາດ ໃນວັນທີ່ 30 ເດືອນເມສາ ນີ້ ແລະ ຕາມກົດໝາຍ ການເລືອກຕັ້ງ ຜູ້ສມັກຈະມີສິດ ໂຄສະນາຫາສຽງ ນັບແຕ່ວັນ ທີ່ 1 ເມສາ ເປັນຕົ້ນໄປ.


 ກະຕຽມ

ຫາກໍ່ເຫັນຄົນໃຊ້ຄຳອັນນີ້ຂອງພາສາລາວຢ່າງຖືກຕ້ອງທີ່ສຸດ!
ເວົ້າວ່າກະຕຽມຫັ້ນແມ່ນຖືກຕ້ອງດີກ່ອນຈະເວົ້າວ່າກະກຽມ!

 


 ກະກຽມ ຖືກ

ຕະຕຽມ ຫຼື ກະຕຽມ ລ້ວນແຕ່ຜິດ

- ກຽມໂຕ ກຽມໃຈ ບໍ່ແທ່ຕຽມ



__________________
Page 1 of 1  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard