Pasalao

''แรงบันดาลใจเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นสู่ความก้าวหน้า'' ประโยคนี้อาจจะดูเหมือนเป็นสิ่งที่กล่าวโอเวอร์ แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมโลก เพราะการที่จะเริ่มต้นปฏิบัติสู่ความก้าวหน้านั้น จะต้องมีแรงบันดาลใจเป็นตัวขับเคลื่อนเสมือนเป็นฟันเฟืองชั้นดีที่ช่วยพัฒนา 

        จากการที่ช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้จวบจนถึงปัจจุบัน กระแสความนิยมของลีกอาชีพในดินแดนขวานทองมีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี อีกทั้งระบบการบริหารจัดการสู่ความเป็นมืออาชีพของแต่ละสโมสร เริ่มมีมาตรฐานที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลให้จากลูกไล่กลายเป็นสุดยอดของลีกจ้าวอาเซียนในปัจจุบัน

        เหตุนี้เองที่ส่งผลให้ประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมขนบประเพณีที่คล้ายกับไทยเราอย่างลาวนั้นเกิดความชื่นชมถึงพลังขับเคลื่อนของคนในวงการฟุตบอลไทยแต่ละฝ่าย รวมถึงเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของระบบฟุตบอลอาชีพเมืองไทยตามสื่อต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดแรงบันดาลใจในการกลับไปพัฒนาและเริ่มต้นสร้างระบบลีกอาชีพแห่งดินแดนดอกจำปาให้ได้รับความนิยมเสมือนเมืองไทย 

        เดิมทีระบบลีกฟุตบอลอาชีพของ สปป.ลาว นั้นเป็นแบบกึ่งอาชีพ โดยกำเนิดขึ้นมาประมาณ 8 ปีแล้ว มีลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 ขณะที่นักเตะส่วนใหญ่ที่ลงแข่งขันนั้นมักจะมีอาชีพหลักควบคู่กันไป ทำให้ความเป็นมืออาชีพยังมีไม่มากพอ และส่งผลกระทบต่อระบบการจัดการแข่งขัน

        หลังเฝ้าติดตามพัฒนาการของลีกไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประมุขวงการบอลเมืองลาวอย่าง วีเพ็ด  สีหาจักร ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติลาว อดรนทนไม่ไหวที่จะนั่งนิ่งเฉยโดยไม่มีการพัฒนาเหมือนประเทศในย่านอาเซียน 

        ปัจจุบันจึงพยายามติดตามการแข่งขันในลีกเพื่อนบ้านอย่างไทยเรา พร้อมทั้งศึกษาเรียนรู้ระบบบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ เพื่อนำมาเป็นแนวทางต่อการเนรมิตรลีกอาชีพของเมืองลาว อีกทั้งจุดเริ่มต้นต่อการพัฒนานั่นก็คือการเชิญเจ้าของ 3 แชมป์ในเมืองไทยอย่าง ''ปราสาทสายฟ้า'' บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปฟาดแข้งในเกมกระชับมิตร เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการปลุกกระแสให้แฟนบอลชาวลาวเกิดแรงบันดาลใจในการร่วมชมเชียร์เหล่าทีมรักของพวกเขา

        นอกจากนั้นยังได้มีการร่วมทำสัญญาเอ็มโอยูระหว่างสหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติลาวกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพื่อเป็นการร่วมช่วยเหลือและพัฒนาวงการฟุตบอลของลาวให้ก้าวหน้ามากขึ้นในระยะเวลา 2 ปี 

        ทางด้าน วีเพ็ด  สีหาจักร ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติลาว ยอมรับว่า ลีกของไทยได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน รวมทั้งชื่อเสียงยังระบือไกลข้ามโขงไปยังลาว ทำให้ต้องทำการเชิญยอดทีมเมืองไทยไปปลุกกระแส

        ''ฟุตบอลอาชีพกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถือได้ว่าอยู่ต้นๆ ของอาเซียนแล้ว ขณะที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็จัดได้ว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งโด่งดังมาถึงลาวของเราด้วย สิ่งนี้เองที่ทำให้เราอยากที่จะปลุกกระแสวงการบอลลาวบ้าง และก็ถือว่าได้ผลไม่น้อยเมื่อแฟนบอลเข้ามาชมเกมค่อนข้างมากทีเดียว''

        นอกจากนั้นประมุขบอลเมืองลาวยังพยายามผุดลีกอาชีพขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการลูกหนังอาเซียน โดยเตรียมจะพัฒนาจากลีกกึ่งอาชีพให้กลายเป็นลีกอาชีพเต็มตัวโดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องกังวลไม่น้อยเมื่อุปสรรคสำคัญของ สปป.ลาว อยู่ที่ผู้สนับสนุนที่จะเข้ามาช่วยเหลือ

        ''สมาคมของเราพยายามผลักดันมาตลอดกับการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นมืออาชีพเหมือนประเทศย่านอาเซียน ซึ่งตอนนี้เราเริ่มวางโครงการพัฒนาในระยะเวลา 5 ปี ที่จะเปลี่ยนจากกึ่งอาชีพเป็นลีกอาชีพเต็มตัว โดยตอนนี้เรามีอยู่ 10 ทีม และจะมีการเพิ่มเป็น 12 ทีม ในปีหน้า ซึ่งจะเปิดฤดูกาลในช่วงเดือน ก.พ. แข่งระบบเหย้า-เยือน พบกันหมดในลีก ขณะที่เงินรางวัลสำหรับแชมป์จะได้รับ 100 ล้านกีบ แต่ก็ต้องบอกว่าถือเป็นงานหนักไม่น้อยเพราะอุปสรรคของเราค่อนข้างมีอยู่มาก โดยเฉพาะผู้สนับสนุน ในประเทศลาวเราไม่มีสปอนเซอร์ที่เข้ามาร่วมพัฒนาอย่างจริงจัง ทำให้ที่สุดแล้วระบบอาชีพของเราก็ยังคงก้าวเดินไปอย่างช้าๆ'' 

        การกระทำทุกสิ่งอย่างต้องมีการเริ่มต้น และแรงบันดาลใจจากลีกของไทยนี่เองจะช่วยเป็นพลังขับเคลื่อนในวงการฟุตบอลอาชีพของเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว มีการพัฒนาที่ดีขึ้น หลังจากนี้ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าลีกอาชีพของลาวจะเป็นไปในทิศทางใด ไม่แน่ว่าลาวพรีเมียร์ลีก อาจจะมีนักเตะของไทยไปร่วมโชว์เพลงแข้งในอนาคตก็เป็นได้....